ตราบเท่าที่พวกเขาจำได้ ไม่ว่าใครกำลังจะพูดอะไร พวกเขาก็ต้องควบคุมอารมณ์ของตัวเองทันทีเมื่อชื่อของจักพรรรดิอมตะเจินฮานปรากฏออกมา พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกที่จะต้องยอมรับว่า จักรพรรดิอมตะเจินฮานเป็นผู้ที่โดดเด่นและหยิ่งยโสที่สุดตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงปัจจุบัน
" จักรพรรดิอมตะเจินฮาน..." หลานอวิ๋นจูทำได้เพียงถอนหายใจหลังจากได้ยินชื่อนี้ นางนั้นไม่ประหลาดใจเลย
สำรหรับผู้ฝึกตน การมีสิบสองวงแหวนนั้นเป็นสิ่งที่ท้าทายสวรรค์และอยู่เหนือการเปรียบเทียบใดๆ แต่มันก็กลายเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเรื่องของ จักรพรรดิอมตะเจินฮาน
" การมีสิบสองวงแหวนของ จักรพรรดิอมตะเจินฮานไม่ใช่ความสำเร็จสูงสุดในชีวิตของเขา ดังนั้นจึงมีคนจำนวนน้อยที่รู้ว่าเขามีสิบสองวงแหวน " หลี่ฉีเย่อธิบายด้วยรอยยิ้ม
หลานอวิ๋นจูนั้นไม่รู้ว่าจะเอ่ยสิ่งใดอีกเพราะคำว่า ' เจินฮาน ' เพียงลำพังก็กล่าวทุกสิ่งออกมาแทนหมดแล้ว นางนั้นสงบใจลงก่อนจะจำบางอย่างได้และเอ่ย " ขณะที่ท่านกำลังบ่มเพาะอยู่ ข้าได้เดินไปรอบพื้นที่นี่ ท่านรู้หรือไม่ข้าเห็นอะไร ? ข้าเห็นนกฟินิกซ์ ! "
" นกฟินิกซ์ ? นกฟินิกซ์แบบใด ? " ดวงตาของหลี่ฉีเย่ทันใดนั้นก็กระจ่างขึ้น
นางนั้นรีบตอบ " ตอนแรก ข้าคิดว่ามันเป็นฟินิกซ์อมตะ เป็นหนึ่งในสัตว์ในตำนาน แต่หลังจากไล่ตามไปชั่วเวลาหนึ่ง ข้าพบว่าแม้ว่ามันจะเป็นฟินิกซ์แต่มันมีขนาดเท่ากับกำปั้น แต่ก็ยังทรงพลังมาก ข้าสังเกตเห็นว่ามันบินเข้าไปยังตำแหน่งที่มีพลังงานสีม่วงที่ทำให้คนอื่นสามารถสูญเสียเส้นทางเดิมของพวกเขาได้โดยง่าย ข้าจึงไม่ได้ไล่ตามมันไปและรีบออกมา "
" ฟินิกซ์ตัวนั้นมีดวงไฟศักดิ์สิทธิ์ห้าดวงบนหัวและมีหางที่ยาวมากใช่หรือไม่ ? " หลี่ฉีเย่เอ่ยถาม
" ถูกต้อง ! เสียงคำรามของมันเพียงพอจะฉีกเก้าชั้นฟ้า หากมันไม่ใช่เป็นเพราะว่ายังเยาว์ เช่นนั้นมันแน่นอนว่าจะต้องเป็นสัตว์ที่น่ากลัวอย่างมาก "
ในเวลานี้ดวงตาของหลี่ฉีเย่สว่างวาบราวกับดวงดารา เหมือนกับสายตาของเขาได้มองผ่านสวรรค์และปฐพีอันกว้างใหญ่ จากนั้นเขาก็เอ่ย " มันไปที่ไหน ? เร็วเข้า พาเข้าไปที่นั้น ! "
จากการแสดงออกของเขาหลานอวิ๋นจูเข้าใจได้ทันทีว่านี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ดังนั้นนางจึงรีบพาเขาไปยังจุดก่อนหน้า
ทั้งสองนั้นวิ่งผ่านเส้นทาง ระหว่างทางพวกเขาเห็นสมุนไพรราชันและหญ้าเก้ารูปแบบจำนวนมาก แต่หลี่ฉีเย่ไม่แม้แต่เหลือบมองพวกมัน เขานั้นต้องการจะไปยังสถานที่ที่หลานอวิ๋นจูกล่าวก่อนหน้าอย่างมาก
" มันคืออะไร ? " หลานอวิ๋นจูเอ่ยถามขณะพาเขาเข้าไปถึงสถานที่ดังกล่าว
" ข้ายังไม่แน่ใจตอนนี้ ข้าจะต้องเห็นมันด้วยตาของตัวเองเสียก่อน " หลี่ฉีเย่ส่ายหัวเอ่ย
ในช่วงเวลาสั้นๆ หลานอวิ๋นจูได้พาหลี่ฉีเย่มายังสถานที่ที่นกฟินิกซ์ได้หายตัวไป มันเป็นหุบเขาเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยกำแพงอิฐที่แตกหัก ราวกับมีคนเคยอาศัยอยู่ที่นี่มาก่อน
กล่าวตามเหตุผล มันไม่ควรมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ที่นี่ แต่พิจรณาว่าที่นี่คือส่วนของนักปรุงยาอมตะที่สูญหาย บางทีคนที่อยู่ที่นี่อาจจะเป็นตัวตนอมตะ !
หุบเขาเล็กๆนี้ปกคลุมไปด้วยพลังงานสีม่วงราวกับสมบัติกำลังจะออกมา แม้ว่าจะมีขนาดเล็ก แต่คนที่เข้ามาสามารถหายไปได้อย่างง่ายดายโดยการถูกพลังงานสีม่วงนี้ดูดกลืน พวกเขาจะสูญเสียการรับรู้ทิศทางทั้งหมด
" สถานที่แห่งนี้..." หลี่ฉีเย่หยุดที่จุดหนึ่งก่อนจะมองไปรอบๆก่อนจะพึมพำ
หลังจากมองชั่วครู่ เขาก็พุ่งไปพร้อมกับหลานอวิ๋นจูไปยังทิศทางหนึ่ง ไม่นางพวกเขาก็มาถึงหน้าผาที่ไม่มีทางไปต่อ
ถัดจากหน้าผามันยังมีหลุมเล็กๆอยู่ หลุมนี้มีขนาดเท่ากับกำปั้น และกลายเป็นหลุมดำมืดไร้ที่สิ้นสุด
หลี่ฉีเย่หรี่ดวงตาของเขาก่อนจะยิงแสงไปยังหลุมนั้นราวกับจะกวาดผ่านให้เห็นภายใน
" พวกเราลองใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ตรวจสอบหลุมนี้ก่อนเป็นอย่างไร ? " หลานอวิ๋นจูเอ่ยแนะหลังจากเห็นหลี่ฉีเย่จ้องไปที่หลุม
" ไม่จำเป็น สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าไม่สามารถตรวจสอบมันได้อย่างสมบูรณ์ " หลี่ฉีเย่ส่ายหัวและเอ่ย จากนั้นเขาก็นึกบางอย่างขึ้นมา ก่อนจะมองไปที่หลุม
" ตูม ! " เขาทันใดนั้นก็เปิดประตูพรสวรรค์ก่อนจะหยิบตอไม้ออกมา ด้วยเสียงวูบ ตอไม้ที่ตายแล้วทันใดนั้นก็เข้าไปในหลุมเล็กๆนั้น
" พรึ่บบ ! " ไฟสีดำสาดกระพริบ ตอไม้ที่เหี่ยวเฉาที่หลี่ฉีเย่นำออกมามันมาจากเกาะนับพัน มันตายไปแล้วก่อนที่เขาจะใช้ของเหลวเทลงไปและเกิดเป็นเมล็ดพันกับใบอ่อน ลำต้นนี้เหมือนกับฝ่ามือและวงตรงกลางของมันเหมือนกับต้นไม้
ประตูสีดำทันใดนั้นก็ปรากฏบนตัวตอไม้ และคลื่นอของพลังกระจายออกมา
ประตูสีดำนี้สั่นสะเทือนราวกับมันพยามจะเชื่อมต่อกับนรก
" นี้มัน...หรือนี้คือสิ่งที่ท่านเรียกว่าความลับของส่วนลับ ? " หลานอวิ๋นจูมองไปที่ฉากน่าตกตะลึงนี้ก่อนจะมีบางสิ่งกระตุ้นให้นางเอ่ยถาม
หลานอวิ๋นจูนั้นอยู่ด้วยามที่หลี่ฉีเย่นำตอไม้ตอนี้ออกมาจากเกาะนับพัน ในเวลานั้นนางรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องเสียเปล่าอย่างมากในการใช้ใบอ่อนโลกต้นไม้ทำเป็นของเหลวและเทลงบนตอไม้นี้
ทว่าหลังจากเข้ามายังหลุมฝังศพแห่งลางร้าย และเห็นหลี่ฉีเย่ใช้ตอไม้นี้ในการรับสมบัติในเขตลับ หลานอวิ๋นจูก็ตระหนักได้ว่าเขาได้วางแผนมาเป็นเวลานานแล้วก่อนจะเข้ามายังหลุมฝังศพแห่งลางร้าย
เขาตอนนี้ได้ใช้มันอีกครั้ง จากนั้นนางก็นึกขึ้นได้ว่าหลี่ฉีเย่เคยบอกว่าแต่ละส่วนลับในเขตต่างมีความลับอยู่
นางสันนิษฐานว่าหลุมเล็กๆนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับความลับที่เขาพูดถึงก่อนหน้า
" เจ้ากล่าวถูก " หลี่ฉีเย่พยักหน้าและเอ่ย " นี้เป็นความลับของส่วนลับ เจ้าโชคดีอย่างมากที่ได้เห็นสมบัติเช่นนี้ น่าเสียดายที่เจ้าไม่สามารถหยุดฟินิกซ์ไม่ให้กลับมาที่นี่ได้ แต่นั้นไม่ใช่ความผิดของเจ้า สิ่งนี้นั้นมีพลังมากและยากที่จะหยุด เว้นแต่ว่าเจ้าจะให้บางสิ่งกับมันหรือมีพลังอำนาจมากพอ ! "
" นกฟินิกซ์ตัวนั้นคือสมบัติที่ยิ่งใหญ่ ? " หลานอวิ๋นจูถามด้วยอารมณ์เพราะนางไม่คิดว่าจะได้พบกับมัน
" ถูกต้อง สำหรับเจ้าหรือคนอื่นๆ หากเจ้าสามารถมีนกฟินิกซ์นั้นได้ เช่นนั้นมันจะน่าเหลือเชื่อย่างมาก " หลี่ฉีเย่พยักหน้าและเอ่ย " แต่ข้าไม่พอใจกับเพียงแค่ฟินิกซ์ตัวนี้เพราะข้าต้องการเข้าไปยังสุสานลับในส่วนลับ ! นี้เป็นโอกาสที่หายาก ข้าไม่คาดหวังว่าทางเขาของมันจะปรากฏออกมาจริงๆ "
หลานอวิ๋นจูดูเหมือนจะคาดเดาสักหนึ่งหรือสองอย่างได้จากหลี่ฉีเย่ นางจึงมองเขาและเอ่ยถาม " ไม่มีใครเคยเขามายังสุสานในส่วนลับมาก่อน ? ทำไม่สิ่งนี้จึงออกมาจากภายใน ? "
" บางที " หลี่ฉีเย่หรี่ดวงตาของเขาและเอ่ย " แต่หากจะมีใครที่สามารถเข้าไปได้ เช่นนั้นคนเป็นไปได้เพียงคนเดียว "
นางนั้นถามอย่างงุนงง " ใครกัน ? " สุสานลับนี้อยู่ในส่วนลับ ? ใครกันที่จะเคยเข้ามาที่นี่ ?
นางรีบเอ่ยถาม " หรือจะเป็นจักรพรรดิอมตะตี๋หยู่ ? " นางนั้นกล่าวถึงจักรพรรดิอมตะดวงเหตุผลบางประการ เขาเป็นคนเดียวที่มีข่าวลือว่าได้รับวิธีการมีชีวิตนิรันดร์ !
" ไม่ใช่ " หลี่ฉีเย่ส่ายหัวเอ่ย " คนที่ไม่ได้มีตัวตนและไม่เคยมีใครได้ยินชื่อเขามาก่อน อย่างน้อยในรุ่นปัจจุบันก็เชื่อเช่นนั้น "
หลานอวิ๋นจูอดไม่ได้ที่จะไตร่ตรองถึงคำตอบนี้ คนที่ไม่เคยมีตัวตนและไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน ใครกัน ?
หลานอวิ๋นจูมองไปยังตอไม้แห้งที่กำลังหยังรากลงไปในหลุม และเอ่ย " นอกจากตอไม้นี้ยังมีกุญแจอื่นอีกหรือไม่ ? เหมือนกับกุญแจหลุมฝังศพแห่งลางร้าย กุญแจที่นอกจากเปิดหลุมฝังศพแล้วยังเปิดพื้นที่สวนลับได้ ? "
" ไม่ " หลี่ฉีเย่เอ่ยตอบ " มันไม่ใช่กุญแจ แต่มันมีค่ามากกว่านั้นนับหมื่นเท่า มันเต็มไปด้วยความลับอมะที่ไม่ใครรู้เกี่ยวกับมัน "
หลานอวิ๋นจูมองไปที่ตอไม้และประเมิน บางทีมันอาจจะไม่ใช่เพียงกุญแจเปิดสุสานลับ บางทีมันอาจจะมีประโยชน์อื่นๆ
หลี่ฉีเย่กอดเอวของนางและเอ่ยอย่างจริงจัง " พร้อมหรือไม่ ? พวกเราจะกระโดดเข้าไปในกระทบกับหิน ระวังด้วย "
หลานอวิ๋นจูสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะพยักหน้าและเอ่ย " ข้าพร้อมแล้ว ! "
นางจากนั้นก็คว้าเอวของหลี่ฉีเย่ เขาทันใดนั้นก็ตะโกน " จงเปิด ! "
ตอไม้ที่เชื่อมกับหลุมดำ ทันใดนั้นก็สร้างเป็นประตูน้ำวันขนาดใหญ่ เป็นประตูสีดำสนิทดูดทั้งสองเข้าไป
" วูบบบ ! " ภายในพริบตา ก้อนหินและทรายปลิวกระจายไปทุกที่ หลุมได้ดูดหลี่ฉีเย่พร้อมกับหลานอวิ๋นจูที่กอดเขาไว้แน่นเข้าไป
เมื่อถูกดูดเข้ามาภายใน หลานอวิ๋นจูรู้สึกราวกับรางกายของนางนั้นกำลังถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ประตูนี้นั้นแตกต่างจากประตูอื่นๆ
" ตูม ! " เสียงดังกึกก้องปรากฏขึ้นและนางรู้สึกราวกับว่านางโดนพลักออก โชคดีที่หลี่ฉีเย่จับนางไว้แน่น นางจึงไม่ปลิวหายไปและล้มลงบนพื้น
เมื่อนางลืมตาขึ้น นางสังเกตเห็นได้ว่าตัวเองกำลังยืนอยู่บนยอดเขาที่โค้งสูงเทียบฟ้า พร้อมด้วยพลังงานต้นกำเนิดที่ไหลเวียนอยู่
ผู้ชมจะมีความรู้สึกว่าภูเขาลูกนี้เหมือนจะเป็นภูเขาต้นกำเนิดของโลก มองจากด้านข้างขึ้นด้านบนจะพบว่าไม่มีอะไรนอกจากหน้าผาสูงและชั้นฟ้า มีรังไม้ขนาดยักษ์อยู่ด้านบนสุดของยอดเขา และพลังงานต้นกำเนิดถูกเทลงมาราวกับทะเลหมอก....