ตอนที่ 532 เปิดโลงศพ

" เจ้ามันบ้าไปแล้ว ! " หลังจากได้ยินเรื่องนี้ โสมนั้นกรีดร้องอย่างหวาดกลัวพร้อมกับอุทานออกมา " นี้เจ้าไม่รู้รึไงว่ามันคืออะไร !? "

" ไม่สำคัญว่ามันจะคืออะไร สิ่งสำคัญก็คือข้าต้องการมันเดี๋ยวนี้ " หลี่ฉีเย่ยิ้มอย่างร่าเริง " นี้เป็นเหตุผลว่าทำไมข้าจึงต้องการกำราบแหล่งพลังของพลังงานต้นกำเนิด "

"เจ้าไม่สามารถทำได้ ! " โสมนั้นพูดอย่างเย็นชา

" จะเกิดอะไรขึ้นหากข้าเปิดโลงศพครึ่งนึง ? ข้าไม่จำเป็นต้องกำราบมันทั้งหมด เพียงหนึ่งวินาทีก็เพียงพอแล้ว "

" เปิดโลงศพครึ่งนึง ? นี้เจ้าบ้าหรือเปล่า ? เจ้ายังคิดว่าจะมีชีวิตรอดอีกรึหากเปิดมัน ? " โสมเอ่ยอย่างรวดเร็ว

" เจ้ากล่าวผิดแล้ว แม้ว่าข้าต้องการเสี่ยงชีวิตจริงๆ ข้าก็ยังมีชีวิตรอดหลังจากเปิดโลงศพออกทั้งหมด ไม่ต้องเอ่ยถึงการเปิดเพียงครึ่งหนึ่ง " หลี่ฉีเย่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม

โสมนั้นเห็นว่าหลี่ฉีเย่ไม่ได้เอ่ยล้อเล่น ทันใดนั้นมันก็บินออกไปจากรังไม้อย่างรวดเร็วและมองมาจากระยะไกล

หลี่ฉีเย่บอกกับหลานอวิ๋นจูด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง " ออกไปจากสถานที่แห่งนี้และลงไปจากภูเขา อย่าเข้ามาใกล้นักเพราะมันจะไม่มีอะไรปกป้องเจ้าได้ "

" ระวังตัวด้วย " หลานอวิ๋นจูนั้นกล่าวเงียบๆหลังจากเห็นการแสดงออกอย่างจริงจังของหลี่ฉีเย่ จากนั้นนางก็จากไปโดยไม่พูดอะไร

หลังจากที่นางหายไปเป็นระยะไกลเพียงพอ หลี่ฉีเย่ก็สูดลมหายใจเข้าลึก

" ตูม ! " สิบเอ็ดวงแหวนนั้นปรากฏขึ้น ในเวลานี้ พวกมันเปลี่ยนเป็นอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วยพลังงานวิญญาณราวกับกำลังให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่

อาณาจักรของสิบเอ็ดวงแหวนนั้นทรงพลังอย่างมาก ราวกับมันเป็นอาณาจักรโบราณที่สะสมอำนาจเพียงพอจะกำราบทุกสิ่ง

เขาจากนั้นก็เปิดประตูพรสวรรค์และหยิบคันฉ่องกลั่นหยินหยางอมตะออกมา หลี่ฉีเย่หายากอย่างมากที่จะใช้สมบัติจากอาณาจักรทวิปราณโบราณนี้ คันฉ่องกลั่นหยินหยางอมตะได้กลายเป็นปลาหยินหยาง ปลาอมตะสองตัวนี้แหวกว่ายอยู่รอบตัวหลี่ฉีเย่ และใช้สุดยอดอำนาจเต๋าหยินหยางคุ้มกันหลี่ฉีเย่

เมื่อทุกคนอยู่ห่างไกลออกไปพอแล้ว เขาได้หยิบ แจกันสวรรค์ลวงตา สมบัติที่จักรพรรดิอมตะฉินหลี่มอบให้กับเขาออกมา มันเป็นสิ่งที่เขาตามหามาเป็นเวลานาน

" ตึง ! ตึง ! ตึง ! " เสียงกระหึ่มดังขึ้นติดต่อกันเป็นเวลานาน ประตูทองแดงห้าบานผุดออกมาล้อมรอบหลี่ฉีเย่ราวกับเป็นปราการทองแดงเคลื่อนที่

ผนึกสวรรค์ห้าประตู - สมบัติอีกชิ้นที่หลี่ฉีเย่ได้รับมาจากการประมูลโลงศพ

" มันเป็นความอัปยศที่ข้ายังไม่แข็งแกร่งเพียงพอ ไม่ใช่เพียงประตูอย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว " เขากล่าวด้วยความเสียใจ ในเวลานี้เขานั้นไม่มีทางเลือกนอกจากใช้สมบัติล้ำค่าทั้งหมดที่มี

หลังจากเตรียมทุกอย่าง หลี่ฉีเย่ได้อมน้ำทิพย์หมื่นดาราไว้ในปากโดยที่ยังไม่กลืนมัน

" ตูม ! " วินาทีต่อมา หลี่ฉีเย่ได้ระเบิดพลังสูงสุด มันเหมือนกับว่ากายาอมตะทั้งสองเขามาถึงขั้นสมบูรณ์ กายาอมตะทั้งสองเหมือนกับเป็นเทพแท้จริงที่ประทับอยู่บนร่างกายของหลี่ฉีเย่

เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ขณะที่อีกมือจับโลงศพไม้และเตรียมพร้อมจะเปิดมันได้ตลอดเวลา

" แกร๊ก ! " หลังจากที่ทุกอย่างเตรียมพร้อม หน้าผากของหลี่ฉีเย่ปรากฏรอยแยก ในเวลานี้ ทะเลแห่งความทรงจำได้ปรากฏ มันเป็นเหมือนจักรวาลไร้จุดจบ อำนาจคุ้มกันความทรงจำของจักรพรรดิอมตะกลายเป็นจักรวาลพร้อมด้วยดวงดาราไร้สิ้นสุด ราวกับมีจักรพรรดิอมตะมาปกป้องเขาด้วยตัวเอง

นี้เป็นการป้องกันที่ดีที่สุดของหลี่ฉีเย่ หลังจากได้รับพรโบราณนับไม่ถ้วนจากตัวตนอมตะและจักรพรรดิอมตะ นี้อำนาจสูงสุดของพวกเขา

นี้เป็นครั้งรแรกที่เขาใช้มัน อาจจะกล่าวได้ว่าเขานั้นเสี่ยงทั้งหมดกับการกระทำครั้งนี้ง

" นี่...นี่มันไม่ปกติแล้ว ! " โสมนั้นรีบบินหนีออกไปหลังจากเห็นฉากนี้

หลี่ฉีเย่นั้นมีสมบัติจำนวนมาก และแต่ละอย่างล้วนเป็นสิ่งที่ท้าทายสวรรค์และอยู่เหนือจินตนาการของโสมทั้งหมด ช่วงเวลาที่หลี่ฉีเย่เปิดทะเลแห่งความทรงจำ สมุนไพรอมตะที่แท้จริงล้วนหวาดกลัว เหมือนกับมันเข้าใจอะไรบางอย่าง

ในเวลาเดียวกัน หลานอวิ๋นจูเดินลงมาจากภูเขาและอยู่ห่างไกลจากรังไม้ขนาดใหญ่ นางนั้นบินอยู่เหนือชั้นฟ้าเพื่อชมอย่างโสมฟินิกซ์ห้าอมตะ

นางนั้นไม่อยากจะเห็นและไม่กล้าที่จะดู นางไม่คาดหวังว่าจะมีสิ่งที่น่ากลัวเกิดขึ้นกับหลี่ฉีเย่ นางรู้จักเขามาช่วงเวลาหนึ่งและนี้เป็นครั้งแรกที่เขากล่าวอย่างจริงจังอย่างมาก มันจะต้องเป็นเหตุการณ์ที่ท้าทายสวรรค์แน่นอนถึงทำให้หลี่ฉีเย่แสดงออกเช่นนี้

" ตูม !! " ในเวลานี้ สวรรค์และปฐพีล้วนพังทลาย ทั่วทั้งโลกสั่นสะเทือน

เหมือนกับว่าช่วงเวลานี้ จักรพรรดิอมตะได้มาเยือนยังรังไม้ และไม่ใช่เพียงหนึ่งหรือสองคน รัศมีของกลิ่นอายอมตะไร้ที่สิ้นสุดปะทุขึ้นเหมือนกับจักรพรรดิอมตะได้กลับมามีชีวิตและพวกเขาเดินทางมายังที่แห่งนี้

การาปรากฏตัวของกลิ่นอายอมตะได้ปราบปรามสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกและบังคับให้ทุกอย่างต้องยอมสยบ ช่วงเวลานี้แม้แต่เหล่าตัวตนอมตะก็ยังรู้สึกถึงข้อจำกัดของตัวเอง พวกเขาตระหนักได้ว่าชีวิตของพวกเขาเป็นเพียงเศษฝุ่น

" เรื่องนี้มันบ้าเกินไปแล้ว ! " หัวใจของโสมนั้นสั่นสะท้าน มันพุ่งลงยังพื้่นดินก่อนจะกลับสู่รูปร่างเดิมและวิ่งออกจากสถานที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว

" ตูม ! " ตอนนี้เหมือนกับว่าแผ่นดินได้แยกออกเป็นชิ้นๆ พลังงานต้นกำเนิดจำนวนนับไม่ถ้วนระเบิดออกมาสร้างม่านคุ้นกันพร้อมจะฉีกชั้นฟ้า มันเหมือนกับคลื่นพลังนี้ต้องการบดขยี้ดวงดารา

" ปัง ! ปัง ! ปัง ! " การระเบิดดังออกมาอย่างต่อเนื่อง โลกนับหมื่นนั้นหวาดกลัวเมื่ออยู่ภายใต้ของรัศมีกลิ่นอายอมตะ เหมือนกับการต่อสู้ของทสวยเทพได้เกิดขึ้นภายในรังนก เทพที่แท้จริงได้เข้าร่วมการต่อสู้นี้ ปิดท้ายด้วยการมาถึงของจักรพรรดิอมตะ

" ตูม !!! " เสียงระเบิดสุดท้ายดังขึ้น ม่านพลังของพลังงานต้นกำเนิดได้ถูกฉีกออกราวกับมหาสมุทรได้ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ พลังงานเหล่านี้ระเบิดท่วมชั้นฟ้า แม้แต่เทพที่แท้จริงก็ยังสั่น

หลานอวิ๋นจูนั้นสั่นสะท้านภายใต้กลิ่นอายของจักรพรรดิอมตะที่แผ่ออกมา นางนั้นรู้สึกได้ว่าตัวเองเป็นเพียงเศษฝุ่นอยู่ในโลกนี้ การแสดงออกของโสมฟินิกซ์นั้นเปลี่ยนแปลงอย่างมาก

" ชายคนนี้บ้าจริงๆ ! เขากล้าที่จะเปิดโลงศพนั้น ! " โสมฟินิกซ์ตกตะลึง โชคดีที่มันไม่เสี่ยงก่อนหน้า หากหลี่ฉีเย่เปิดโลงศพตั้งแต่ตอนนั้น ผลที่มันจะได้รับยิ่งกว่าหายนะ

มันรู้ว่าการที่ชายคนนี้เปิดโลงศพจะสามารถกำราบม่านพลังงานต้นกำเนิดของรังไม้ได้ช่วงเวลาหนึ่ง แต่ตัวเขาเองก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัส การเปิดมันเพียงครึ่งเดียวก็เป็นสิ่งที่ท้าทายสวรรค์มากเปิดอยู่แล้ว แม้แต่เทพที่แท้จริงก็ยังต้องล่าถอยหากเจอเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะใช้สมบัติล้ำค่ามากมายและการฟื้นฟูภายหลัง หลี่ฉีเย่ก็ยังไม่แน่ว่าจะประสบความสำเร็จ หากการป้องกันของเขานั้นมีความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย เขาจะต้องตายอย่างไร้หลุมฝังศพและทุกอย่างจะไร้ประโยชน์ !

ชั่วครู่ต่อมา ความเงียบเริ่มที่จะเข้าปกคลุม หลานอวิ๋นจูยืนตัวขึ้นขณะที่หัวใจหล่นวูบและตะโกน " ท่านลุง ! " นางทันใดนั้นก็รีบวิ่งกลับไป

นางนั้นวิ่งเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ นางนั้นวิ่งมาและหลี่ฉีเย่นอนอยู่ตรงขอบเหวของรัง นางตกใจอย่างมากหลังจากเห็นสภาพของเขา

เขาเป็นเหมือนแจกันที่แตกหัก ร่างกายของเขานั้นเกิดรอยแตกและแทบจะแตกออกเป็นชิ้นๆ สร้างเป็นฉากที่ทำให้คนดูหดหู่

ร่างกายเขาไม่เพียงแตกหัก แต่มันก็ยังถูกครอบไฟด้วยเปลวไฟ บางส่วนของร่างกายเขาไหม้เกรียมและไม่สามารถจดจำได้ สิ่งที่น่าตกตะลึงก็คือเขายังมีชีวิตอยู่ !

" ท่าน...ท่าน...ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ? " หลานอวิ๋นจูนั้นไม่รู้จะทำอย่างไร นางไม่กล้าจะสัมผัสกับหลี่ฉีเย่ กลัวว่าเขาจะแตกออกเป็นชิ้นๆ เสียงของนางสั่นและน้ำตาเอ่อล้นเต็มดวงตา

" อย่าได้สัมผัสข้า ข้าได้กลืนน้ำทิพย์หมื่นดาราไปบ้างแล้ว " หลี่ฉีเย่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาราวกับขนนก

นางนั้นสงบใจลงหลังจากได้ยินคำพูดของเขา อย่างน้อยเขาก็ยังมีชีวิตอยู่ นางนั้นไม่กล้าจะสัมผัสเขาและนั่งรออยู่เงียบๆ

ผ่านไปนาน ร่างกายของหลี่ฉีเย่ก็สว่างขึ้น บาดแผลนั้นเหมือนกับเกล็ดงูบนร่างกายของเขาค่อยๆหลุดออกมา

ช่วงเวลาผ่านไปชั่วครู่ รอยแตกบนร่างกายของเขาค่อยๆจางหายไปและไม่หลงเหลือร่องรอย หลี่ฉีเย่พยามจะยืนขึ้น แต่ก็เกือบล้มเนื่องจากเขาอ่อนแอมากในปัจจุบัน

" ตอนนี้ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ? " หลานอวิ๋นจูเขามาประคองเขาอย่างรวดเร็ว นางนั้นทั้งมีความสุขและหวาดกลัวเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า

" ฮ่าฮ่าฮ่า ! ข้าทำได้แล้ว ! " หลี่ฉีเย่ระเบิดเสียงหัวเราะ แม้ว่าตอนนี้เขาจะอ่อนแอ แต่ก็ยังไม่มีอะไรหยุดความรู้สึกตื่นเต้นของเขาได้ขณะที่กำบางอย่างไว้ในมือ

ในเวลานี้ หลานอวิ๋นจูสังเกตเห็นสิ่งที่หลี่ฉีเย่กำไว้อยู่ มันเป็นเหมือนโคมไฟที่เก่าแก่และเต็มไปด้วยสนิม ทำให้ดูราวกับมันถูกทิ้งไปเป็นเวลานานแล้ว

โคมไฟนี้ไม่มีอะไรสะดุดตา ไม่มีใครจะหยิบมันขึ้นมาหากมันถูกวางไว้อยู่บนถนน ทว่าหลานอวิ๋นจูนึกถึงตอนที่นางเปิดเนตรสวรรค์และมองเข้าไปยังศาลาไม้ มันมีบางอย่างที่เหมือนโคมไฟลอยอยู่ในนั้น

หลี่ฉีเย่ไอออกมาหลังจากระเบิดเสียงตะโกน หลานอวิ๋นจูลูบหลังเขาและเอ่ยอย่างกังวล " ดูท่านสิ พึงจะฟื้นตัวเท่านนั้นอย่าได้ออกแรงมากนัก "