ตอนที่ 538 หลงซู่เทียน

ในเวลานี้ ผู้นำนิกายจากเผ่าพันธ์ผีแค่นเสียงเย็นชา " นิกายพันแม่น้ำหวน หลังจากยกสมบัติภายในรังทั้งหมดออกอไปแล้วยังไม่พอใจหรืออย่างไร ? ฮึ่มม นี้ราวกับงูโลภพยามจะกลืนกินช้าง...ค่อยดูเถอะ พวกเจ้าจะไม่สามารถเก็บอะไรได้เลยและพบกับความพินาศ ! "

หลี่ฉีเย่ทำเพียงจ้องไปยังบ่อน้ำเก่าแก่และไม่ได้สนใจคนอื่นๆ หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เขาก็หันไปยิ้มกับหลานอวิ๋นจู นางจึงเอ่ยถาม " บ่อน้ำนี้เป็นอย่างไร ? เข้าไปได้หรือไม่ ? "

หลานอวิ๋นจูคิดเกี่ยวกับคำถามนี้เพราะว่าปลาคาร์ฟยอดเพชรได้หายตัวไปหลังจากที่กลุ่มของผู้นำนิกายไล่ล่า

สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่อย่างปลาคาร์ฟนั้นจะหายไปได้อย่างไร ? เป็นไปได้หรือไม่ที่ปลาคาร์ฟนั้นจะกระโดดลงไปในบ่อนี่ ? แต่ประเมินจากขนาดปลาคาร์ฟไม่มีทางเข้าไปได้

" มันเป็นไปได้ที่จะเข้าไป แต่มันขึ้นอยู่กับบุคคลไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถเข้าไปได้ " หลี่ฉีเย่อมยิ้มเอ่ยขณะมองที่บ่อน้ำ

" มันอันตรายมากรึ ? " หลานอวิ๋นจูมองไปยังบ่อและเอ่ยถาม

มันดูธรรมดาอย่างมากและไม่มีอะไรสะดุดตา ทว่าแม้แต่เนตรสวรรค์ก็ยังไม่สามารถมองผ่านมันได้

" สำหรับบางคนมันง่ายที่จะเดินเล่น แต่สำหรับบางคนมันก็เป็นเรื่องยากราวกับปีนขึ้นสวรรค์ พวกเขาไม่มีทางทำมันสำเร็จแม้ว่าจะใช้เวลาตลอดชีวิตก็ตาม " หลี่ฉีเย่เอ่ย

คำกล่าวเหล่านี้ทำให้คนจำนวนมากไม่มีความสุข ยอดเซียนผีแมลงเอ่ยเป็นคนแรก " คำกล่าวที่โอหัง ! " เขาจากนั้นก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็นชา " ข้าสงสัยนักว่าอัจฉริยะของเผ่ามนุษย์นี้จะสามารถเดินเข้าไปได้กี่ก้าว ? "

คำยั่วยุเหล่านี้ทำให้ฝูงชนมองหน้ากันและกัน หลายคนยินดีที่จะให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ พวกเขารู้ว่าหลี่ฉีเย่และยอดเซียนผีแมลงนั้นมีความบาดหมางกัน ตั้งแต่เหตุการณ์ทะเลสีทอง

หลี่ฉีเย่เลิกคิ้วก่อนจะเอ่ยถาม " เจ้าเดินไปได้กี่ก้าวกัน ? "

" เก้าก้าว ! " ยอดเซียนผีแมลงยิ้มและเอ่ยด้วยน้ำเสียงถือดี " เจ้าลองดูหน่อยเป็นไง ? ให้พวกเราดูว่าเจ้ามีดีแค่ไหนกัน ? "

ในเวลานี้ยอดเซียนผีแมลงเต็มไปด้วยความมั่นใจ

" เก้าก้าว..." หลี่ฉีเย่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาก่อนจะเอ่ย " นี้เจ้าเป็นหอยทาก ? เพียงแค่การทดสอบง่ายๆแค่นี้ยังเดินไปได้เพียงเก้าขั้น ข้าสามารถเดินไปได้ไกลตราบเท่าที่สายตาข้ายังมองเห็น "

" นี้่เจ้า...! " ยอดเซียนผีแมลงเต็มไปด้วยความโกรธจากการล้อเลียนของหลี่ฉีเย่ ร่างกายของเขาสั่นสะท้านและสายตากลายเป็นน่ากลัว

หลี่ฉีเย่ขี้เกียจที่จะสนใจเขา เขานั้นโบกมืออย่างไม่แยแส " เพียงแค่เก้าก้าวยังกล้าที่ยั่วยุข้า ? ไปเล่นตรงมุมนู้น อย่าได้มารบกวนเวลาอันมีค่าของข้า "

" เช่นนั้นรึ ? คนแซ่หลี่ เจ้าคิดว่าตัวเองสามารถก้าวไปได้กี่ก้าวกัน ? " เสียงหัวเราะอีกเสียงปรากฏขึ้น คนกล่าวเป็นลูกหลานของเชื้อสายจักรพรรดิ ยอดเซียนเล็บจันทร์เสี้ยว

" กี่ขั้นงั้นรึ ? " หลี่ฉีเย่เอ่ยตอบอย่างไม่แยแส " ข้าไม่ได้ดูถูกพวกเจ้า แต่กล่าวตามความจริง พวกเจ้าก้าวเข้าไปได้ไม่กี่ก้าว แต่ยังกล้าที่ท้าทายข้า ? พวกเจ้านี้ช่างไม่รู้ความสามารถของตัวเอง ข้านั้นขี้เกียจเกินไปที่จะสนใจคนที่อยู่ในระดับต้ำเช่นนี้ "

" เจ้าท้าทายเผ่าพันธ์ผีของข้าและโลกทั้งใบ ! เจ้าไม่คิดว่าเป็นเจ้ารึไงที่ไม่รู้ขีดจำกัดของตัวเอง ? " เสียงที่หยิ่งยโสได้ดังขึ้นอีกครั้ง รถม้าฟินิกซ์ได้เคลื่อนมาหยุดอยู่ที่บ่อ คนที่ก้าวลงมาเป็นเจ้าหญิงฟินิกซ์ประกายศักดิ์สิทธิ์ที่หนีไปก่อนหน้า

บรรพยากาศเริ่มกลายเป็นร้อนระอุขึ้นเมื่อนางมาถึง บางคนตะโกน " เจ้าหญิงฟินิกซ์ประกายศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่นี่ ! "

ทุกคนต่างมองไปยังหลี่ฉีเย่และเจ้าหญิงฟินิกซ์ประกายศักดิ์สิทธิ์

นางนั้นหนีไประหว่างการต่อสู้ครั้งสุดท้าย แต่ตอนนี้นางกลับมาพร้อมความยิ่งใหญ่ ทุกคนล้วนอย่างเห็นข้อสรุปของหลี่ฉีเย่กับเจ้าหญิง

หลี่ฉีเย่จ้องไปยังนางก่อนจะเอ่ย " โอ้ว นี้ไม่ใช่ผู้แพ้ที่หนีไปก่อนหน้าหรอกรึ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ประเทศประกายศักดิ์สิทธิ์เป็นส่วนหนึ่งของเผ่าพันธ์ผี ? บรรพบุรุษของเจ้าเป็นผีรึไง ? "

" การเป็นสะใภ้ของเผ่าพันธ์ผีหมายความว่าข้าก็เป็นส่วหนึ่งของเผ่าพันธ์ผี " เจ้าหญิงฟินิกซ์นั้นไม่ได้โกรธแต่อย่างใด นางนั้นตอบอย่างสงบ ความฉลาดของนางเป็นเหตุผลที่ทำให้นางกลายเป็นสะใภ้ของเผ่าผี

" ใช่ บางทีเจ้าอาจจะกล่าวถูกต้อง " หลี่ฉีเย่อย่างไม่แยแส " แล้วไง ? ความสูญเสียที่น่าอนาภครั้งล่าสุดยังคงไม่เพียงพอ ดังนั้นเจ้าอยากจะแพ้อย่างย่อยยับอีกครั้ง ? "

ราวกับเจ้าหญิงนั้นได้เตรียมตัวมาก่อนแล้ว นางนั้นไม่ได้แสดงออกถึงความโกรธหรือเกลียดชังใดๆ นางกล่าวอย่างสบายๆ " หลี่ฉีเย่ เจ้ามีความสามารถที่จะหยิ่งยโส แต่เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถเอาชนะโลกนี้ได้ ? "

หลี่ฉีเย่เหลือบมองนางอยอ่างเกียจคร้านและเอ่ย " ตัวข้าเองก็ไม่เคยคิดว่าจะมีใครทำให้ข้าพ่ายแพ้ได้ในโลกนี้ แต่ข้ามีคำตอบให้กับคนที่ตั้งตัวเป็นศัตรู และนั้นคือการที่พวกมันถูกฆ่าอย่างไร้ปราณี ! แม้ว่าจะเป็นทุกคนในโลกนี้ก็ตาม "

" เจ้าเด็กน้อย...ช่างเป็นคำกล่าวที่โอหัง " ชายวัยกลางคนที่ติดตามเจ้าหญิงมาได้เอ่ย " เจ้านั้นมีความหยิ่งยโสเหมือนกับข้าสมัยก่อน แต่ความหยิ่งยโสของเจ้าจะจบลงที่นี่ "

" หลงซู่เทียน ! " ผีจำนวนมากอุทานหลังจากเห็นชายวัยกลางคนคนนี้

แม้แต่การแสดงออกของบรรพชนก็ยังกลายเป็นจริงจัง

หลงซู่เทียนนั้นเป็นตำนานของโลกใต้พิภพศักดิ์สิทธิ์ เขานั้นเป็นลูกรักที่สวรรค์ภูมิใจ การเดินทางของเขาเต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าตกตะลึง

หลงซู่เทียนนั้นเป็นนั้นมีชื่อเสียงในยุคเต๋าที่ยุ่งยากและเป็นอัจฉริยะที่เปล่งประกายในโลกใต้พิภพศักดิ์สิทธิ์ ในตอนที่เขายังเยาว์ การบ่มเพาะของเขาน่าภูมิใจและไม่มีใครยุคนั้นขัดขวางเข้าไม่ให้ไปถึงจุดสูงสุดได้

เขานั้นกลายเป็นราชันเทพสวรรค์ตั้งแต่อายุยังเยาว์ ในเวลานั้นเขาได้รับความสนใจจากทุกที่ หลายคนคิดว่าเขามีโอกาสเอาชนะยุคเต๋าที่ยุ่งยากและขึ้นสู่จุดสูงสุด

ทว่าน่าเสียดายเขานั้นเกิดมาผิดยุคและเดินทางในยุคเต๋าที่ยุ่งยาก เขานั้นต้องการไปถึงระดับสูงสุดโดยใช้กำลัง โดยการลดชีวิตและเผชิญหายนะ

พรสาวรรค์หายนะนั้นเป็นปีศาจในหัวใจและการลดลงของชีวิตเป็นการลงโทษจากสวรรค์ สำหรับผู้ฝึกตนการลดลงของชีวิตเป็นบททดสอบที่ยากที่สุด และอัจฉริยะจำนวนมากตายเพราะเหตุนี้

สิ่งที่โชคร้ายสำหรับเขาก็คือในช่วงยุคเต๋าที่ยุ่งยาก การลดลงของชีวิตนั้นเป็นเรื่องที่รุนแรงมาก หลายคนคิดว่าเขาไม่สามารถเอาชนะมันได้

ทว่าก่อนที่เขาจะตกตายลง หลงซู่เทียนได้ตอบโต้การลดลงของชีวิตอย่างทรงประสิทธิภาพ เรื่องนี้ทำให้ทั้งโลกตกตะลึง ทว่าเขาก็ได้รับผลกระทบเป็นแผลที่ไม่สามารถรักษาได้และการบ่มเพาะของเขาหยุดลง

ไม่ว่าจะอย่างไร ชื่อเสียงยของเขาก็ยังประจายไปแปดทิศทาง บรรพชนจากหลายขุมอำนาจประเมินเขาไว้สูง หลายคนกระทั้งระวังการพูดถึงเขา

เขาไม่ได้เป็นเพียงราชันเทพสวรรค์ที่น่าตกตะลึง แต่ยังมีกายาเซียนขั้นสมบูรณ์ กายาเซียนเพชรขั้นสมบูรณ์ !

กายาเซียนเพชรนั้นเป็นหนึ่งในสาขาของกายายอดเพชรอมตะ ผู้ที่มีกายานี้จะไม่ถูกทำลายโดยอาวุธหรือคัมภีร์ใดๆ

แม้ว่ามันจะยังไม่ใช่กายาอมตะ แต่หลงซู่เทียนก็ยังมีกายาเซียนขั้นสมบูรณ์ ! ข่าวลือว่าเขาสามารถใช้กายาของเขาต้านทานการโจมตีจากสมบัติจักรพรรดิออมตะระดับชีวิตได้ ไม่มีใครรู้ว่ามันจริงหรือไม่แต่มันก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ความแข็งแกร่งของกายาเขา

" ข้าไม่อยากจะเชื่อ ท่านตี๋เชามั่นใจในหลงซู่เทียนอย่างมาก ในฐานะอัจฉริยะอย่างหลงซู่เทียนก็มองท่านตี๋เชาไว้สูงส่ง ! แน่นอนว่าท่านตี๋เชาจะต้องแบกเจตจำนงแห่งสวรรค์และกลายเป็นจักรพรรดิอมตะ " บางคนเอ่ยด้วยอารมณ์หลังจากเห็นหลงซู่เทียนปกป้องเจ้าหญิง

ในอดีต ช่วงยุคเต๋าที่ยุ่งยากหลงซู่เทียนได้มีชื่อเสียงไปทั่วโลกใต้พิภพศักดิ์สิทธิ์ จนกระทั้งเขาเผชิญอาการบาดเจ็บก่อนที่ประชาชนจะทำให้กำเนิดสามวีรบุรุษ

เขานั้นเริ่มเป็นผู้ฝึกตนพเนจรและมีขุมกำลังจำนวนมากร่วมถึงเชื้่อสายจักพรรดิต้องการรับเขา แม้แต่บัลลังก์หมื่นกระดูกก็ไม่มีข้อยกเว้น แต่หลงซู่เทียนนั้นหยิ่งยโสและปฏิเสธทั้งหมด

ใครจะคาดว่าหลายปีต่อมาตี๋เชาได้กลายเป็นอัจฉริยะที่ยิ่งใหญ่ เมื่อตี๋เชากลายเป็นเปล่งประกายและเขาจะสามารถโน้มนาวหลงซู่เทียนได้ ? จากนี้ไป เขาจะกลายเป็นทีปรึกษาให้กับตี๋เชา

แม้ว่าบัลลังก์หมื่นกระดูกจะมีบรรพชนที่น่าอัศจรรย์ระดับผู้นำนิกายในตำนาน คนเช่นหลงซู่เทียนก็ยังนับว่าได้ยาก ตี๋เชาแน่นอนว่าจะได้รับประโยชน์อย่างมากจากการมีเขาเป็นที่ปรึกษา

หลงซู่เทียนที่หยิ่งยโสตกลงกลายเป็นที่ปรึกษาให้กับตี๋เชาทั้งที่ปฏิเสธคำเชิญของบัลลังก์หมื่นกระดูกในอดีต อาจจะเป็นเพราะว่าตี๋เชานั้นเปล่งประกายและมีแนวโน้มจะเป็นจักรพรรดิอมตะ

หลี่ฉีเย่ยังคงมองไปยังชายวัยกลางคนอย่างไม่แยแสและเอ่ย " โอ้ว ? เจ้าต้องการจะสอนบทเรียนข้า ? "

หลงซู่เทียนส่ายหัวของเขาก่อนจะยิ้มเอ่ย " ข้าแก่เกินไปและไม่ได้รู้สึกอยากออกกำลังกาย ข้าเพียงให้คำแนะนำเจ้าเท่านั้น มันยังมีหลายสิ่งนอกเหนือจากการคำนวนของเสมออยู่เสมอ วันนี้มีบรรพชนหลายคนอยู่ที่นี่ เจ้าอาจจะเป็นอัจฉริยะ แต่หากบรรพชนเที่ยงธรรมลงมือ เจ้าอาจจะไม่โชคดีนัก "

" จดจำคำแนะนำของข้าไว้และลดความหยิ่งยโสของเจ้าลง ไม่เช่นนั้นแม้ว่าข้าจะไม่ลงมือ คนอื่นก็ยังลงมืออยู่ดี " หลงซู่เทียนเอ่ยต่อ " แน่นอนหากเจ้าต้องการลอง ข้าก็ยินดีที่จะสอนบทเรียนให้กับเจ้า ! "

หลงซู่เทียนพูดด้วยความก้าวร้าวและเต็มไปด้วยความมั่นใจ เขาแน่นอนว่ามีคุณสมบัติพอที่จะทำเช่นนั้น แม้ว่าเขาจะมีระดับเพียงราชันเทพสวรรค์ แต่เขาก็ไม่ได้ด้อยกว่าบรรพชนของขุนอำนาจที่ยิ่งใหญ่ ด้วยกายาเซียนขั้นสมบูรณ์ กระทั้งบรรพชนจากบางนิกายก็ยังระวังเขาอย่างมาก