" เอาละสาวน้อย หยุดทำตัวอาวุโสต่อหน้าข้าได้แล้ว " หลี่ฉีเย่เอ่ยขัดด้วยรอยยิ้ม " ลองทำอีกครั้งและมาดูว่าข้าจะโยนเจ้ากลับไปยังโกศนั้นหรือไม่ "
" นี้เจ้าเป็นบุรุษแบบใดกัน !? " ร่างเงาเล็กๆที่อยู่ชุดคุลมสั่นด้วยความโกรธและเอ่ย " ข่มขู่ผู้คนทุกครั้งที่กล่าววาจาเช่นนี้ เจ้าไม่อายบ้างรึไง ? "
" ขออภัย ข้าไม่ใช่คนที่สนใจหน้าคนอื่น นอกจากนี้เจ้ายังเป็นเพียงเงาตัวน้อยภายใต้ชุดคลุม เจ้ามีหน้าใดๆ? หรือเจ้าจะให้ข้าใช้ชุดคลุมนั้นเช็ดหน้าข้าดี ? " หลี่ฉีเย่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
นางนั้นสั่นด้วยความกลัว นางกลัวจริงๆว่าหลี่ฉีเย่จะใช้ชุดคลุมนี้เช็ดหน้าเขา นางเอ่ย " เจ้า...เจ้ากล้า.. ! "
หลี่ฉีเย่ยิ้มอย่างสบายๆ " อ่า ทุกวันนี้ผู้คนช่างหยาบคายจริงๆ "
แน่นอนเขาเพียงต้องการทำให้นางกลัวและเอ่ยต่อ " เจ้าควรจะขอบคุณข้า หากไม่ใช่ข้าแล้วเจ้าคงจะโดนผนึกอยู่ในโกศนั้นไปอีกหลายล้านปี จะเกิดอะไรขึ้นหากโกศนั้นไม่ได้ล้างคำสาปไปแล้ว ? เจ้าก็จะไม่ได้เห็นแสดงตะวันอีกเลย "
" เพ้ย ใครบอกว่าโกศนั้นลบคำสาปของราชันผู้นี้ ? " รูปร่างเล็กๆภายในเสือคลุมแค่นเสียงเอ่ย " มันเป็นราชันผู้นี่ที่ล้างคำสาป ! "
หลี่ฉีเย่กล่าวหยอกล้อ " เช่นนั้นรึ ? เจ้ากล้าที่จะกล่าวว่าโกศนั้นไม่ได้มีส่วนช่วยใดๆเลย ? ปราศจากโกศนั้นเจ้ากล้าที่จะพูดว่าสามารถล้างคำสาปได้ ? "
" เหอะ.." ร่างเล็กน้อยภายในผ้าคลุมสั่น แม้ว่านางจะไม่มั่นใจ แต่นางก็ไม่โต้เถียงอีกต่อไป
" มันมีคำกล่าวหนึ่งเอ่ยว่า - ผู้คนมักจะต้องใช้หนี้ของตัวเอง ใช่ไหม ? " หลี่ฉีเย่เอ่ย " ข้าทำให้เจ้าเห็นดวงตะวันอีกครั้ง - นี้เป็นโอกาสครั้งที่สองในชีวิตของเจ้า ไม่ใช่ว่าเจ้าจะต้องแสดงความขอบคุณรึ ? "
" ฮ่าฮ่า มันดูเหมือนว่าเจ้าต้องการบางอย่างจากข้า " เงาร่างเล็กนั้นยิ้มเยาะ " ข้าจะไม่ทำให้มันยากสำหรับเจ้า ช่วยงานข้าบางอย่าง สิ่งที่เจ้าต้องการข้าจะบอกความลับกับเจ้าหลังจากออกไปจากที่นี่ได้ "
" ข้าไม่เคยเจรจากับคนอื่น นอกจากนี้เกี่ยวกับความลับใดๆ ข้าคิดว่าตัวเองรู้มากกว่าทุกคนบนโลก " หลี่ฉีเย่เอ่ยอย่างสบายๆ
เงาเล็กๆนั้นแค่นเสียงและเอ่ย " งั้นรึ ? สิ่งข้ารู้นั้นเหลือกว่าเจ้าซะอีก ตัวอย่างเช่นความลับของเผ่าหมิงโบราณ "
" ความลับของเผ่าหมิงโบราณ " หลี่ฉีเย่หัวเราะเอ่ย " นั้นก็ไมเ่ลว นำเรื่องเผ่าหมิงโบราณขึ้นมา น่าสนใจไม่น้อย..."
ร่างเงาเล็กๆนั้นเอ่ย " ฮึ่ม เหล่าคนโง่เขลาที่อยากขุดข้าออกมาเมื่อปีนั้นก็เพราะพวกเขาต้องการสุดยอดความลับของเผ่าพันธ์ุนี้ "
นางนั้นไม่ได้พูดคุยกับใครมาเป็นเวลานาน แม้ว่านางจะไม่ชอบหลี่ฉีเย่ นางก็ยังคงพูดคุยกับเขา
หลี่ฉีเย่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม " เจ้ารู้ไหมเผ่าหมิงโบราณถูกทำลายยังไง ? เจ้าคิดว่าในสมัยโบราณ เหล่าตัวตนของเผ่าหมิงโบราณถูกใครทำลาย ? กระดุกทุกชิ้นของเผ่าหมิงถูกฉีกออกจากร่าง ก่อนที่คนคนนั้นจะค้นพบความลับมากมายจากการกระทำเช่นนี้ เจ้าคิดว่าเจ้าจะรู้ดีว่ามากกว่าคนคนนี้อีกรึ ? "
" ฮึ่ม นั้นไม่สำคัญ ข้าเป็นคนที่รู้เกี่ยวกับสุดยอดความลับ นอกจากนี้ข้ายังมีความลับที่รู้มากกว่านั้น ตัวอย่างเช่นข้ารู้บางเรื่องเกี่ยวกับสิบสองหลุมฝังศพ " เงาร่างเล็กนั้นโต้กลับ
หลี่ฉีเย่พยักหน้าเอ่ย " เรื่องนั้นข้าไม่สงสัย ข้ามั่นใจว่าเจ้ารู้บางอย่าง "
" อย่างน้อยเจ้าก็รับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของข้า " เงาร่างเล็กเอ่ย " หากเจ้าช่วยข้า เช่นนั้นข้าจะบอกความลับแต่ละเรื่องให้เจ้า "
" ข้าเสียใจที่จะต้องบอกว่าข้าไม่เจรจากับผู้คน นอกจากนี้หากข้าต้องการความลับรวมถึงสุดยอดความลับขอองเผ่าหมิงโบราณ ข้าไม่จำเป็นต้องเอามันจากเจ้า " หลี่ฉีเย่หัวเราะเอ่ย " ข้าเพียงต้องการให้เจ้าบอกอย่างเดียว จะต้องทำอย่างให้ตัวอักษรบนผ้าคลุมไหมสีเหลืองปรากฏ "
" เจ้า เจ้ารู้เกี่ยวกับสิ่งนี้ !? " เงาร่างเล็กนั้นตื่นตระหนก และนางกลายเป็นหวาดกลัวจริงๆ
" ไม่มีอะไรแปลก " หลี่ฉีเย่หัวเราะและเอ่ย " ย้อนกลับไปตอนที่สิ่งนี้ถูกฝังอยู่ในหลุมฝังศพ ข้าคิดว่ามันเป็นสิ่งชั่วร้าย ทว่าหลังจากเห็นผ้าคลุมสีเหลืองนี้แล้ว ข้ารู้ได้ทันทีว่ามันเพียงถูกสาป ความจริงก็คือปีศาจไม่สามารถทำอะไรกับผ้าเหลืองนี้ได้ มันมีต้นกำเนิดที่น่าทึ่ง "
แม้ว่าจะไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของร่างเงาขนาดเล็กได้ชัดเจนหรือเห็นการแสดงอออกทางสีหน้า แต่การที่เงาเล็กๆนั้นพลิกมาก็คาดเดาถึงความคิดของนางได้
" หืม เจ้ารู้อะไรบ้างเกี่ยวกับต้นกำเนิดที่น่าทึ่งของข้า ? " เงาร่างเล็กเอ่ย
หลี่ฉีเย่ไม่ได้สนใจการแสดงออกของนางก่อนจะอมยิ้มกล่าว " สาวน้อยอย่าได้มาแสดงและหวังจะหลอกเอาความลับจากผู้คน เจ้าคิดว่าข้าเป็นใคร ? แม้ว่าต้นกำเนิดของเจ้าจะน่าประทับใจ ข้าก็รู้สิ่งต่างๆที่เหนือกว่าเจ้าอีกมาก "
" เพ้ย ใครคือสาวน้อย ?! เรียกข้าว่าสาวน้อยอีกครั้งข้าจะทำให้เห็นว่าใครกันแน่เป็นเจ้านายที่แท้จริง !? " เงาเล็กๆนั้นไม่พอใจกับคำเรียกของหลี่ฉีเย่ แม้ว่าจะมองไม่เห็นรูปร่างนางแต่เห็นได้ชัดว่านางกำลังโกรธ
ทว่าหลี่ฉีเย่ก็ยังไม่สนใจการแสดงออกของนางและเอ่ย " สาวน้อยหากเจ้ายังไม่มั่นใจ ข้าจะบอกเจ้าบางสิ่ง มันเคยมีศาลาเก่าแก่ที่พึงจะถูกทำลายมาก่อนหน้า เจ้ารู้ไหมข้าเห็นอะไรภายใน ? มันเป็นฉากที่ผู้คนนับไม่ถ้วนและตัวตนอมตะล้วนก้มกราบ มันมีข่าวลือโบราณว่ามีบางอย่างอยู่ภายใน เจ้ารู้ไหมว่ามันคืออะไร ? มันมีบางคนถือผ้าคลุมสีเหลืองที่ห่อหุ้มชั้นฟ้าและแบกมันอยู่บนไหล่ของเขา "
หลี่ฉีเย่หยุดชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยต่อ " สาวน้อยเจ้าควรจะรู้ว่าสิ่งที่ข้าเห็นมันอยู่เหนือจินตนาการของเจ้า เจ้ารู้ไหมสถานที่ต้องห้ามคืออะไร ? เจ้ารู้ตัวตนก่อนยุครกร้างหรือไม่ ? เจ้ารู้ไหมว่าข้ารู้เกี่ยวกับผ้าคลุมสีเหลืองนี้ได้ยังไง ? ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใครหรืออยู่ในสถานที่ใด ทุกสิ่งที่ข้ารู้ล้วนอยู่เหนือจินตนาการของเจ้าทั้งสิ้น "
เงาเล็กๆในผ้าเหลืองนั้นกล่าวอย่างไม่พอใจ " เพ้ย แล้วมีอะไรน่าอวด ? ข้านั้นเคยไปที่ต่างๆมามากกว่าเจ้าซะอีก "
หลี่ฉีเย่ไม่ได้โกรธและเอ่ย " โอ้ว เช่นนั้นบอกมาสถานที่แบบใดที่เจ้าเคยไป ? ตอนนี้ข้ามีเวลาเยอะมากข้ายินดีที่จะฟัง "
" เพ้ย ทำไมข้าต้องบอกเจ้า ? อย่าคิดที่จะมาล้วงความลับจากข้า " เงาร่างเล็กนั้นยิ้มเยาะราวกับภูมิใจที่นางไม่ตกหลุมพราง
หลี่ฉีเย่ระเบิดเสียงหัวเราะก่อนจะปรบมือและเอ่ย " สาวน้อยเจ้าประเมินตัวเองสูงเกินไป กล่าวตามจริง ข้าไม่มีทางใช้กำลังหรือหลอกเอาความลับเหล่านั้นจากเจ้า เพราะมันไม่ได้น่าสนใจแม้แต่น้อย "
" นี้เจ้า..! " เงาร่างเล็กนั้นสั่นด้วยความโกรธ หากนางสามารถออกไปจากผ้าคลุมนี้ได้ นางจะไปสั่งสอนบทเรียนให้หลี่ฉีเย่
หลี่ฉีเย่ยังกล่าวต่อ " แม้ว่าข้าจะไม่ได้สนใจเกี่ยวกับความลับอื่นของเจ้า แต่ข้าต้องการรู้เกี่ยวกับตัวอักษรบนผ้า บอกข้าถึงวิธีการที่เขียนตัวอักษรบนผ้า บางทีมันอาจจะเป็นประโยชน์สำหรับเจ้า "
" เหอะ ทำไมข้าจะต้องบอกเจ้า ? " เงาร่างเล็กยิ้มเยาะ " วิธีเดียวที่จะทำให้ข้าบอกเจ้าก็คือ เจ้าต้องทำให้ข้าพอใจแล้วข้าจะบอก "
หลี่ฉีเย่ตอบด้วยรอยยิ้ม " เอางั้นรึ ? ดูเหมือนเจ้าจะไม่เข้าใจหลักการของข้า ข้าเป็นคนกำหนดเงื่อนไขไม่ใช่คนอื่น นอกจากนี้สถานการณ์ของเจ้าถูกขังอยู่ในผ้าเหลือง ชั้นฟ้าจะไม่ได้ยินเสียงร้องเจ้าปฐพีจะไม่ได้อาบน้ำตาเจ้า เจ้าคิดจริงๆว่าสามารถตั่งเงื่อนไขกับข้าได้ ? "
เงาร่างเล็กเอ่ย " ดี ในเมื่อเจ้าไม่ทำตามที่ข้าพูด ข้าก็จะไม่บอกวิธีการ "
" กล่าวได้ดี " หลี่ฉีเย่หัวเราะและเอ่ย " ทว่าสาวน้อย มันมีหนึ่งสิ่งที่เจ้าควรรู้ ข้าเป็นคนที่ทำอะไรตามใจ หากข้าไม่สามารถได้รับของที่ต้องการได้ เช่นนั้นคนอื่นก็อย่าหวังว่าจะได้มัน เอาอย่างนี้ให้ข้าเผาผ้าเหลืองนี้และจบทุกอย่างเป็นอย่างไร ? "
" ฮ่าๆ ช่างเป็นเจ้าตัวโง่งมจริงๆ " เงาร่างเล็กหัวเราะและเอ่ย " เจ้าคิดว่าผ้าคลุมเหลืองนี้คืออะไร ? เจ้าคิดว่าเจ้าจะเผามันตามใจได้รึ ? แม้ว่าเจ้าจะพยามไปอีกร้อยปี เจ้าไม่มีทางเผามันได้ ! "
" หากเป็นเช่นนั้น " หลี่ฉีเย่เผยรอยยิ้มลึกลับ " ข้าคงไม่มีทางเลือกนอกจากใช้ตัวอย่าง อย่างเช่นโคมไฟของข้า "
เมื่อกล่าวเสร็จเขาก็วางโคมไฟไว้บนโต๊ะและเอ่ยอย่างสบายๆ " หากเจ้าไม่สนใจ อย่างนั้นข้าจะลองเผามันด้วยเปลวไฟสีดำของข้าดู เกี่ยวกับโคมไฟนี้...ต้นกำเนิดของมันข้าเกรงว่าจะไม่ได้ด้อยกว่าของเจ้าเลย ในความคิดข้ามันไม่มีปัญหาที่จะเผาตัวตนอมตะที่แท้จริงจนตายได้ ดังนั้นข้าอยากจะลองดูว่าหากใช้มันเผาผ้าคลุมนี้มันจะมีปัญหาหรืออไม่..."
" แน่นอนว่าข้าเป็นคนที่มีความอดทนมาก หากข้าไม่สามารถเผามันได้ในหนึ่งวัน เช่นนั้นข้าจะก็เผามันไปอีกห้าร้อยปีหรือหนึ่งพันปี เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นคนที่มีเวลาว่างมาก เจ้าคิดยังไง ? "
ในเวลานี้หลี่ฉีเย่คือผ้าคลุมเข้าไปใกล้กับโคมไฟอย่างช้าๆ
เงาร่างเล็กภายในเสื้อคลุมยังคงเงียบและไม่มีใครรู้ว่านางคิดอะไรอยู่
" ก่อนที่ข้าจะเผาผ้าคลุมสีเหลืองนี้เจ้ามีอะไรจะบอกข้าหรือไม่ ? " หลี่ฉีเย่เอ่ย " ข้ายินดีที่จะรับฟัง "
ทว่าเงาร่างเล็กนั้นยังคงเงียบราวกับนางหายตัวไปและไม่ตอบหลี่ฉีเย่
" เอาละ หากเป็นเช่นนี้ข้าก็ต้องคงเผามันทิ้ง " หลี่ฉีเย่หัวเราะก่อนจะวางผ้าคลุมเหลืองบนเปลวไฟสีดำ...