หลังจากเข้ามายังอาณาจักร หลี่ฉีเย่ได้ปล่อยไก่ปรุงยาไปหาสมุนไพรที่เที่ยยี่ต้องการ อาณาจักรนั้นเป็นสวนธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลกสมุนไพรหิน ดังนั้นมันอาจจะกล่าวได้ว่ากระบวนการทั้งหมดนั้นง่ายมากด้วยการช่วยเหลือของไก่
ทว่าไก่นั้นดูเหมือนจะสร้างปัญหาให้กับหลี่ฉีเย่ มันเป็นสมบัติล้ำค่าที่หายากอย่างมากสำหรับนักปรุงยา ไก่นี้ทำให้นักปรุงยาจำนวนมากเต็มไปด้วยความโลภ
จากนั้นในวันที่ปล่อยไก่ไป ไก่นั้นขึ้นไปยังภูเขาลึกลับเพื่อถอนรากวิญญาณอสรพิษ ช่วงเวลาที่มันบินกลับมาหาหลี่ฉีเย่ มีกลุ่มคนไล่ตามมันลงมาจากภูเขาด้วย
กลุ่มนี้มีคนรวมกันมากกว่าหนึ่งร้อย พวกเขาทั้งหมดมีพลังงานในสายเลือดที่แข็งแกร่ง พวกเขาสวมเสื้อคลุมเต๋า และในหมู่พวกเขามีทั้งหินยักษ์และปีศาจหลายรูปร่าง ผู้นำของกลุ่มเป็นปีศาจที่มีดวงตาอยู่บนหน้าผากเสือของเขา เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นปีศาจเสือ เขานั้นสวมใส่ชุดคลุมสีทองและถือไม้เท้า ภาพของเสือภายในเสือคลุมของเขาส่งเสียงคำรามราวกับมันจะทำลายได้ทุกสิ่ง
นี้คือบรรพชนปีศาจที่ไปถึงระดับยุคองค์รักษ์ จุดสูงสุดของระดับองค์รักษ์เทพสวรรค์ และอีกเพียงก้าวเดียวจะทะลวงเข้าสู่ราชันเทพสวรรค์
ปีศาจเสือพร้อมกับศิษย์ของเขามากกว่าร้อยลงมาจากภูเขาอย่างรวดเร็ว ช่วงเวลาที่เขาเห็นไก่ปรุงยาอยู่บนไหล่ของหลี่ฉีเย่สายตาของเขากลายเป็นดุร้าย แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ล้อมรอบหลี่ฉีเย่ แต่รูแบบการยืนก็สามารถจับเขาได้ตลอดเวลา
" ขอให้สวรรค์อวยพรให้เจ้า..." ปีศาจเสือนั้นผสานมือเข้ากันก่อนจะเอ่ยกับหลี่ฉีเย่ เขาเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับเอ่ย " สหายเต๋า ข้านั้นเป็นผู้นำของวิหารเมฆขาว ไก่ปรุงยาตัวนั้นถูกค้นพบโดยพวกเรา สหายเต๋าโปรดส่งมันมา "
" ส่งให้กับเจ้า ? " หลี่ฉีเย่อมยิ้มเอ่ย " ไก่ตัวนี้เป็นของข้า ข้าไม่เอาเรื่องพวกเจ้าที่ไล่ตามไก่ข้ามาก็นับเป็นบุญของพวกเจ้าแล้ว "
" มีอะไรพิสูจน์ว่ามันสัตว์เลี้ยงของเจ้า ? ไก่ตัวนี้เป็นพวกเราเห็นก่อน แต่ว่าพวกเราประมาทจนทำให้มันหนีออกมาได้ ผลของมันก็คือเจ้าสามารถจับมันได้ " ผู้เชียวชาญด้านหลังเอ่ย
ไม่ต้องสงสัยผู้เชียวชาญจากวิหารนี้ต้องการจะนำไก่ไป นี้ไม่ใช่เรื่องแปลกทุกคนล้วนแต่น้ำลายไหลยามเห็นไก่ปรุงยา
ผู้นำมองไปยังหลี่ฉีเย่ ในสายตาของเขาหลี่ฉีเย่เป็นคนธรรมาดที่ปราศจากความพิเศษ จากนั้นเขาก็มองไปยังนายหญิงและเห็นว่านางซ่อนพลังงานในสายเลือดไว้ เขาคาดเดาว่าสตรีตรงหน้าไม่ได้แข็งแกร่งมากกว่าเขา
ต่อไปก็คือรถม้าของหลี่ฉีเย่ มันล้วนดูธรรมดาสามัญ ผู้นำวิหารมั่นใจว่าหลี่ฉีเย่เป็นกลุ่มคนที่มาจากนิกายขนาดเล็กและไร้อำนาจ
เนื่องจากผู้วิหารไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่านายหญิง ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถมองทะลุการบ่มเพาะของนางได้ยามนางซ่อนพลังงานในสายเลือดไว้
" สหายเต๋า ไม่ว่าไก่ตัวนั้นจะเป็นของเจ้าหรือไม่ วิหารเมฆขาวของเราจะไม่เอาเปรียบ ตราบใดที่เจ้ามอบไก่นี้มา ราคาของมันสามารถเจรจากันได้ " ผู้นำวิหารเอ่ยช้าๆ
มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะพบไก่ปรุงยาดังนั้นวิหารเมฆขาวไม่มีทางยอมแพ้ เพราะเหตุผู้นำวิหารจะต้องนำมันมาไม่ว่าจะต้องใช้กำลังบังคับหลี่ฉีเย่หรือไม่
ทว่าหลี่ฉีเย่ก็กล่าวอย่างไม่แยแส " ไม่ได้มีไว้ขาย "
การแสดงออกของผู้นำวิหารเปลี่ยนไปหลังจากได้ยินคำตอบนี้ ในเวลานี้ศิษย์ของวิหารรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว การกระทำของพวกเขาบอกได้ว่า หากหลี่ฉีเย่ไม่ขาย พวกเขาจะใช้ความรุนแรง
ท่าทางดังกล่าวอาจจะทำให้ผู้ฝึกตนจากนิกายขนาดเล็กหวาดกลัวและมอบไก่ปรุงยามาแน่นอน
ผู้นำวิหารนั้นพยามจะข่มขู่และกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง " สหายเต๋า เจ้าควรจะรู้ว่าไก่ปรุงยานั้นเป็นสมบัติล้ำค่าและเจ้าของควรจะเป็นบรรพชนเที่ยงธรรมเท่านั้น ข้าไม่ได้พยามจะเอาเปรียบเจ้า ข้านั้นทำแบบนี้ก็เพราะคำสั่งของยอดอัจฉริยะเย่ฉิงเฉิน ภายใต้คำสั่งของเขาวิหารของเราต้องเลือกสมุนไพรจากอาณาจักรนักปรุงยามา "
" วันนี้พวกเราเห็นไก่ปรุงยาและนึกถึงคำสั่งของนายน้อยเย่ได้ เขาคือบุรุษที่ทุกคนทั้งโลกล้วนแต่ต้องการช่วย ! การที่สหายเต๋าขายมันก้เหมือนกับช่วยนายน้อยเย่ เมื่อสหายมายังเขตหิน เจ้าแน่นอนว่าจะได้รับค่าตอบแทนที่ดีเยี่ยม " ผู้นำวิหารเอ่ยเสียงก้าวร้าว
ข้อความนี้ชัดเจน ผู้คนอาจจะปฏิเสธการไว้หน้าเขา แต่ไม่ใช่กับเย่ฉิงเฉิน
ทุกคนในโลกสมุนไพรรู้ดีว่าเย่ฉิงเฉินจะกลายเป็นจักรพรรดิอมตะในรุ่นต่อไป หลายคนในโลกคิดว่าเป็นเช่นนั้นและลหายขุมอำนาจพยามจะสร้างความโปรดปรานให้กับเขา
เพียงแค่ยกชื่อ ' เย่ฉิงเฉิน ' ขึ้นมามันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คนอื่นต้องไว้หน้า ! บางคนบอกว่ามีผู้บัญชาการมากกว่าร้อยอยู่ใต้ธงของเขา แม้ว่าคำเหล่านี้อาจจะดูเกินจริง แต่มันก็สามารถเห็นได้ว่าเย่เฉิงเฉินได้รับการยอมรับจากรุ่นก่อนมากแค่ไหน !
วิหารเมฆขาวนั้นเป็นนิกายระดับแรกในเขตหิน และยังเต็มใจทำงานให้กับเย่ฉิงเฉินอย่างมาก
" ไม่ใช่เรื่องของข้า " หลี่ฉีเย่กล่าวอย่างไม่แยแส
" นี้เรียกไม่รู้จักชีวิตและความตาย !" ผู้เชียวชาญจากวิหารแค่นเสียง " นายน้อยเย่นั้นเป็นยอดอัจฉริยะ หลายคนพยามสร้างความโปรดปรานจากเขาแต่ล้มเหลว ! วันนี้นายน้อยเย่ต้องการไก่ปรุงยาอย่างมาก - นี้นับเป็นเกียรติของเจ้า มอบไก่นั้นมาไม่เช่นนั้นโลกสมุนไพรหินจะไม่มีที่สำหรับเจ้า ! "
ในเวลานี้วิหารนั้นเตรียมพร้อมที่จะใช้กำลัง หากหลี่ฉีเย่ไม่ขายพวกเขาก็จะปล้นเอา
หลี่ฉีเย่ขี้่เกีัยจเกินไปที่จะพูดเขาโบกมือก่อนจะเอ่ย " ฉีเยียน ให้พวกมันไสหัวไปไม่อย่างนั้นฆ่าพวกมันทั้งหมดทิ้ง ! " เขากล่าวอย่างไม่แยแส
นายหญิงฉีเยียนเดินลงมาจากรถม้าก่อนจะจ้องไปยังทั้งกลุ่มและเอ่ย " พวกเจ้าต้องการจะจากไปเองหรือให้ข้าโยนพวกเจ้าออกไป ? "
ผู้เชียวชาญคนหนึ่งตะโกน " ช่างหยิ่งยโส เจ้าคนโง่เขลา.."
" ปัง ! " ทว่าก่อนที่ผู้เชียวชาญคนนี้จะพูดจบ เขาก็ถูกตบปลิวออกไปเลือดของเขาสาดกระจายไปทุกที่ ภายในพริบตาพลังงานของราชันเทพสวรรค์ของนายหญิงก้ปกคลุมชั้นฟ้า นี้เป็นอำนาจของราชันปีศาจที่สามารถดูถูกได้ทุกคน ด้วยอำนาจของไผ่นิรันดร์ด้านหลังนาง นางทำให้คนอื่นรู้สึกราวกับจมอยู่ในสวนไผ่
" ราชันเทพสวรรค์..." ผู้เชียวทั้งหมดตกตะลึงหลังจากเห็นนายหญิงระเบิดพลัง พวกเขาทั้งหมดก้าวถอยหลังไปหลายก้าวโดยเฉพาะผุ้นำวิหารเมฆขาว ใบหน้าของเขาซีดขาวด้วยความกลัว ทว่าเขาก้ยังเป็นผู้นำวิหารและรีบกลันคืนสติมาอย่างรวดเร็วและเอ่ย " เป็นว่าท่านคือผู้ปกครองของประเทศไผ่ยักษ์รายชันปีศาจนายหญิงฉีเยียน ข้านั้นมีตาแต่หามีแววไม่ โปรดให้อภัยกับความผิดพลาดครั้งนี้ด้วย " หลังจากนั้นเขาก็ก้มหัวลง
" โลกนี้ช่างเล็กนัก พวกเราอาจจะเจอกันในอีกสักวันหนึ่ง ลาก่อนฝ่าบาทฉีเยียน " หลังจากกล่าวเสร็จเขาก็นำกลุ่มของศิษย์ออกไป
ผู้นำวิหารนั้นเป็นจิ้งจอกเฒ่าและเขาแยกแยะสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเขาพบคนที่แข็งแกร่งเขาต้องยอมแพ้ เมื่อยอมแพ้เขาต้องรีบถอนตัว นี้เป็นหนทางที่จำเป็น..
ทว่าหลี่ฉีเย่ทันใดนั้นก็ตะโกน " หยุด ! "
ทั้งกลุ่มที่ต้องการจะหลบหนีทันใดนั้นก็หยุดลง ไม่มีใครกล้าที่จะวิ่งเพราะยังมีราชันเทพสวรรค์อยู่ด้านหลังของพวกเขา
" นายน้อย พวกเรานั้นเป็นกบก้นบ่อและไม่สามารถเห็นท้องฟ้าได้ ดังนั้นข้าต้องขออภัยข้าหวังว่านายน้อยจะไม่ถือสา ได้โปรดพวกเราทำทั้งหมดก็เพื่อนายน้อยเย่.."
หลี่ฉีเย่โบกมือของเขาและเอ่ย " ข้าไม่รู้ว่าใครคือเย่ฉิงเฉินทว่าในเมื่อพวกเจ้ายกชื่อของมันขึ้นมา หุบปากและฟัง ส่งคำของข้าไปบอกมันด้วย บอกมันว่าที่ไหนก็ตามที่ข้าหลี่ฉีเย่ไปให้มันไสหัวไปไกลๆ ยิ่งไกลยิ่งดี ! หากมีสุนัขตัวไหนของมันกล้ายั่วยุข้า ข้าจะไปเหยียบอาณาจักรเขตแดนหินและทำลายมันทิ้งซะ ! "
คำกล่าวของหลี่ฉีเย่ทำให้ใบหน้าผู้นำวิหารเปลี่ยนไปอย่างมาก ทว่าเขาก็ยังเป็นสุนัขจิ้งจอกที่ปรับตัวได้และเอ่ย " ข้าจะจำคำกล่าวของนายน้อยไว้และไปบอกกัยนายน้อยเย่แน่นอน " หลังจากกล่าวเสร็จเขาก็ไม่สนใจอะไรและรีบจากไปอย่างรวดเร็ว
" ช่างเป็นจิ้งจอกเฒ่าจริงๆ เขารีบหนีอย่างรวดเร็วหลังจากเห็นสถานการณ์ไม่ดี ช่างเป็นหน้าที่หนาจนทำให้คนอื่นอับอาย " เทียยี่คลานออกมาจากพื้นและเอ่ย
" รู้ว่าเมื่อไหร่ควรจะก้าวไปข้างและเมื่อไหร่ควรถอยนั้นเป็นเรื่องดี อย่างน้อยเขาก็สามารถรักษาชีวิตตัวเองได้ " หลี่ฉีเย่คตอบด้วยรอยยิ้ม
เทียยี่เอ่ยถามหลี่ฉีเย่ " นายน้อยต้องการจะเป็นศัตรูกับเย่ฉิงเฉิน ? "
หลี่ฉีเย่เหลือบมองเขาและเอ่ย " ทำไมจะไม่ละ ? คนที่ขว้างทางข้าล้วนแต่ถูกขยี้อย่างไร้เมตตา ไม่เกี่ยวว่าพวกมันจะเป็นใคร "
" ข้าได้ยินมาว่าผู้คุ้มกันเต๋าของเย่ฉิงเฉินนั้นเป็นสัตว์ประหลาด มีข่าวลือว่าเขานั้นเป็นยักษ์ที่น่ากลัวยิ่งกว่าบิดาแห่งต้นไม้แอลป์ " เทียยี่คิดชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยกับหลี่ฉีเย่