ตอนที่ 727 หมิงเย่เสวี่ย

หญิงชรารู้สึกตกใจอย่างมากหลังจากโดนสัตว์อสูรเตะเข้า แม้นางจะเป็นบรรพชนเที่ยงธรรมแต่ก็ถูกแตะกลับมาเช่นนี้ นี้สามารถจินตนาการได้เลยว่ากระทิงตัวนี้มีความสามารถที่ท้าทายสวรรค์ระดับใดกัน

“ ถือว่าข้าไว้หน้าสาวน้อยคนนี้ ข้าจะไว้ชีวิตของเจ้า ทว่าอย่าได้มายั่วยุข้า แม้แต่เชื้อสายเช่นเจ้าก็ยังไม่มีค่าพอจะอยู่ในสายตาของข้า ! ” หลี่ฉีเย่ กล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำ

สีหน้าของหญิงชรากลายเป็นซีดลง ไม่มีใครเคยกล้าจะกล่าวคำพูดจาหยาบคายหรือดูถูกสายเลือดของนางเช่นนี้ แต่คำเหล่านั้นก็ออกมาจากปากของหลี่ฉีเย่

“ท่านย่า ไม่เป็นไร ” เด็กสาวคนนั้นโบกมือเบาๆ และผงกศีรษะอีกครั้งหลังจากเห็นว่าท่านยายของเธออยากจะทำร้ายอีกฝ่ายอีกครั้ง

หญิงชราหยุดลงหลังจากได้รับคำสั่งจากนายหญิง อย่างไรก็ตาม นางก็ยังต้องระมัดระวังตัวเมื่ออยู่กับหลี่ฉีเย่อยู่ดี เนื่องจากหลี่ฉีเย่นั้นรู้เรื่องมากเกินไป ถ้าจำเป็นสายเลือดของพวกนางจะต้องทำทุกวิธีทางเพื่อไม่ให้หลี่ฉีเย่ปากโป้งออกไปได้

หลี่ฉีเย่ มองดูเด็กสาวด้านหน้า จากนั้นจึงเดินจากรถม้า มาอยู่ตรงหน้าของนาง ทั้งสองคนจ้องหน้ากัน จนกระทั่งว่าได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกันด้วยซ้ำ

ทั้งสองลอบมองแววตาของแต่ละฝ่ายเหมือนจะต้องการอ่านบางอย่างจากอีกฝั่งหนึ่งที่ไม่ต้องการให้บุคคลภายนอกล่วงรู้

เวลาผ่านไปสักพัก มือของหลี่ฉีเย่ก็ลูบเข้าที่หน้าของสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าอย่างอ่อนโยน เป็นการกระทำที่เกิดขึ้นมาโดยไม่มีใครคาดคิดมาก่อน และมากเกินกว่าหญิงสาวคนใดจะรับได้ ! ทำหญิงชราโกรธจนอยากจะฆ่าขึ้นมาอีกครั้ง นายหญิงของนางไม่เคยมีใครมาทำให้อับอายเช่นนี้

เด็กสาวผู้งดงามไร้ที่เทียบยกมือขึ้นมาปรามหญิงชราอีกครั้ง ในขณะเดียวกันนั้นเองที่นายหญิงฉีเหยียนแทบจะไม่เชื่อสายตาตนเอง แม้นางจะสามารถเดาถึงสายเลือดและที่มาของเด็กสาวคนนี้ได้ แต่นายน้อยนางก็ยังกล้าที่จะทำเช่นนี้อีก แม้จะเป็นการพบกันครั้งแรกก็ตาม

หลี่ฉีเย่ ลูบหน้าขาวนวลนั้นอย่างอ่อนโยน เฉกเช่นนางเป็นคนรักของเขา ทางด้านอีกฝั่งหนึ่ง เด็กสาวก็หลับตาพริ้มเพื่อรับสัมผัสอันอ่อนโยนนั้นเช่นกัน ดูเหมือนว่าในเวลานี้นางจะรับรู้ถึงสัมผัสของเขาในขณะที่เขารับรู้ถึงจังหวะใจของนางที่เต้นอยู่

ฉากรักนี้ดำเนินไปอย่างยาวนาน เฉกเช่นเวลาได้หยุดลง ตัวนางไม่เคยได้ใกล้ชิดกับบุคคลอื่นเช่นนี้ แต่วันนี้นางได้ยอมรับสัมผัสจากคนแปลกหน้าที่ไม่เคยได้พบพานกันมาก่อน

“นี้มัน.....เหลือเชื่อ” เทียยี่ผู้ซึ่งโผล่มาจากพื้นดินเพื่อเป็นพยานในฉากนี้ และขยับห่างออกไปเมื่อล่วงรู้เรื่องราว

ไม่มีใครจะล่วงรู้เลยว่าฉากอันเต็มไปด้วยความรักนี้จะอยู่ไปอีกนานแค่ไหน แต่เมื่อหลี่ฉีเย่ก็ลดมือของเขาลง เขาจ้องมองไปยังเด็กสาวคนนั้นที่ห่างออกไปเพียงแค่ไม่กี่นิ้ว ก้มมองนางอย่างอ่อนโยนและกล่าวว่า “ เจ้าไม่ใช่ลูกหลานของตระกูลหมิง”

“เหลวไหล!” หญิงชราตะโกนด้วยความตกใจหลังจากได้ยินคำพูดของหลี่ฉีเย่: “นายน้อยหลี่ คนเรานั้นอาจจะกระทำสิ่งที่ไม่ได้ตั้งใจได้ แต่สำหรับคำพูด ท่านจะต้องไตร่ตรองก่อนที่จะกล่าวออกมา”

เรื่องนี้ เป็นความลับอันยิ่งใหญ่ของสายเลือดของเราและจะต้องไม่มีบุคคลภายนอกใดที่ล่วงรู้

เด็กสาวกล่าวขึ้น “ท่านย่า ไม่เป็นไร นายน้อยหลี่ไม่ใช่คนนอก”

“นายหญิง...” หญิงชรานิ่งไปหลังจากได้ยิน คำๆนั้นมีความหมายและความลับที่เกี่ยวข้องด้วยมากมายเหลือพรรณนา

เด็กสาวผู้งดงามไร้ที่เทียบหยุดลงก่อนจะแนะนำตัวเองให้กับหลี่ฉีเย่ฟัง “ข้าหมิง เย่เสวียแห่งอาณาจักรปรุงยา ยินดีที่ได้พบกับนายน้อยหลี่”

หมิง เย่เสวีย ผู้สิบทอดหลักของอาณาจักรปรุงยา สาวงามอันดับหนึ่งของโลกสมุนไพรหิน บุคคลปริศนาที่มักจะหลบซ่อนตัวด้วยสถานะต่ำมาตลอด แม้จะมีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะเคยเห็นรูปร่างที่แท้จริงของนาง ชื่อเสียงของนางก็โด่งดังไปไกลทั่วโลก

ใครในโลกนี้จะไม่รู้จักหเทพธิดามิงเย่เสวีย ? ใครกันจะไม่รู้จักลูกหลานของอาณาจักรนักปรุงยา !?

หลี่ฉีเย่ยิ้มอย่างอ่อนโยน มองดูนางอย่างอ่อนโยนและเอ่ยว่า “ไม่ สาวน้อย หรือจะให้พูดให้ถูก ยินดีต้อนรับที่จะกลับมาอยู่เคียงข้างข้านับแต่นี้”

ก่อนหน้านี้ เขาไม่แน่ใจนักว่าเขากับนางเคยได้พานพบกันมาก่อนหรือเปล่า แต่สัมผัสอันคุ้นเคยนี้และเสียงจังหวะใจเต้นที่เขารู้จักดีมิอาจลืมก็ย้ำเตือน

สำหรับเขาแล้ว ไม่ว่าเด็กสาวผู้นี้จะเป็น หมิงเย่เสวีย ลูกหลานของอาณาจักรปรุงยาหรือไม่ก็ตาม แต่นางก็ยังคือนาง !

“ข้า... ไม่เข้าใจ ” แม่นางที่มีรูปร่างงดงามสะดุดตาและทรงพลังนางก็ยังไม่เข้าใจความตั้งใจก็หลี่ฉีเย่ เขาให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยมาก ทั้งความเป็นอิสระและความใกล้ชิด

“ไม่เป็นไร ถ้าตอนนี้จะยังไม่เข้าใจ อดีตนั้นไม่สำคัญ เจ้าจะเข้าใจเองเมื่อเวลาผ่านไป” หลี่ฉีเย่ยิ้มให้ เป็นช่วงเวลาที่เขากำลังอารมณ์ดีอย่างยิ่ง

หลี่ฉีเย่ยื่นมือออกไป แม้ว่าหมิง เย่เสวียจะไม่เข้าใจการกระทำนั้นและนิ่งไปชั่วขณะ นางก็สัมผัสแขนของเขาอย่างอ่อนโยน เฉกเช่นเป็นเรื่องปกติธรรมดา



แม้ว่าสิ่งที่เห็นจะทำให้ นายหญิงฉีเยียน, หญิงชรา และเที่ยยี่ประหลาดใจ แต่ก็ดูเป็นธรรมชาติมากจนไม่มีใครอยากจะทำลายบรรยากาศ

นี้คือสาวงามอันดับหนึ่งในโลก ! อัจฉริยะและลูกหลานจักพรรรดิจำนวนมากล้วนแต่อยากเกี้ยวนาง ทว่านางจับมือของหลี่ฉีเย่ไว้ราวกับคนรัก การกระทำของทั้งคู่ดูน่าหลงใหล ใครก็ตามที่พบเห็นจะต้องรู้สึกอิจฉาเป็นแน่ แม้แต่คนที่อยู่วัยเดียวกันจะต้องรู้สึกคลุ้มคลั่ง ด้วยความงามของหมิง เย่เสวีย ที่เป็นดั่งเทพธิดาในใจของพวกเขา

เวลานั้นเองที่ หญิงชราสังเกตว่า นายหญิงของนางตามหลี่ฉีเย่ขึ้นรถม้าไปเสียแล้ว เธอถูกเรียกสติกลับมาและกล่าวต่อว่า “นายหญิง ข้าเกรงว่ามันจะไม่ดีนัก ”

หลี่ฉีเย่ มองหญิงชราผู้กังวลจากความต้องการอยากที่จะปกป้องนายหญิงของตน เขาเพียงได้แต่ยิ้มและกล่าว “ตัวตนร้อยชีวิต คงไม่ได้บอกความลับมากมายแก่เจ้า ”

“ เจ้า เจ้า...” หญิงชราตกใจ จากคำกล่าวนี้เพียงคำเดียวก็ได้เปิดเผยความลับอันยิ่งใหญ่ ที่แม้แต่บรรพชนในอาณาจักรของนางบางคนก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ นางได้เป็นผู้ติดตามส่วนตัวและดูแลหมิงเย่เสวียตั้งแต่แบเบาะและไม่มีทางที่คนนอกจากรู้เรื่องนี้ !

“อาณาจักรปรุงยาของพวกเจ้า ไม่มีความลับใดที่ข้าจะไม่ล่วงรู้” หลี่ฉีเย่ขึ้นรถม้าและกล่าวต่อว่า “และเจ้าเองก็ไม่ต้องเป็นห่วงไป ข้าจะดูแลเด็กสาวคนนี้มากกว่าใคร ข้าจะปกป้องนางยิ่งกว่าที่อาณาจักรปรุงยาของเจ้าจะสามารถทำให้ได้ ! ” หลังกล่าวจบ เขาก็ลูบผมของหมิง เย่เสวียอย่างอ่อนโยน

เป็นเวลาเดียวกับที่ หมิง เย่เสวียนั่งอยู่ข้างเขาและมีนายหญิงฉีเหยียนนั่งอีกฝั่งหนึ่ง ทั้งสองนางต่างก็มีความงามเป็นเลิศ โดยเฉพาะหมิง เย่เสวียผู้งดงามจนหาสิ่งใดเปรียบมิได้ ช่างเป็นฉากที่สร้างความน่าอิจฉายิ่งนักให้กับผู้พบเห็น

หญิงชรามองไปยังหลี่ฉีเย่ก่อนที่จะเลือกที่จะไม่กล่าวสิ่งใด อย่างที่เขากล่าว ยังมีความลับอีกมากมายนักที่นางไม่รู้ ตัวอย่างก็เรื่อง นายหญิงของนางผู้เป็นสายเลือดตระกูลหมิง แต่ก็มีไม่กี่คนเท่านั้นในอาณาจักร ที่ทราบว่านั้นไม่ใช่ความจริง !

เที่ยยี่มองไปยัง หมิง เย่เสวียที่ติดตามหลี่ฉีเย่มา และพึมพำด้วยริมฝีปากอันแห้งผากของเขาอย่างช่วยไม่ได้ขึ้นมาว่า “บ้าจริง เหลือเชื่อ นี่มันเกิดขึ้นจริงงั้นรึ?” แม้ว่าเขาจะรู้ความลับมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองอยู่ดี ด้วยเหตุที่น่าตกใจมากเกินไป

หมิง เย่เสวียมองลงไปยังเทียยี่ที่ร่างท่อนล่างของเขาครึ่งนึงติดอยู่ในพื้นดิน นางลอบยิ้มบางและกล่าวถาม “สหายเต๋า...เราเคยพบกันมาก่อนหรือไม่ ? ”

ท่าทีของเที่ยยี่เปลี่ยนไปอย่างมากหลังจากได้ยินประโยคนั้น หน้าของเขาซีดเหมือนเห็นวิญญาณ เขารีบโบกมือปฏิเสธ “ไม่ ไม่ ท่านเทพธิดาหมิงเย่เสวีย ท่านคิดมากไปแล้ว สำหรับคนต่ำต้อยอย่างข้า ข้าก็แค่ปีศาจมดตัวจ้อยที่ไม่สำคัญอะไรมากมาย เพียงแค่ได้ยินชื่อของท่านก็เปรียบเสมือนได้รับพรถึงสามช่วงชีวิตแล้ว ” สิ้นคำเขาก็มุดกลับลงไปใต้ดินและหนีออกมาอย่างไรร่องรอยเหมือนกลัวมาก

หลี่ฉีเย่เข้าใจการกระทำของเทียยี่อย่างชัดเจน แต่เพียงไม่ได้ออกคำออกมาเท่านั้น เขาหลับตาพริ้มพลางนึกถึงบรรยากาศในความทรงจำครั้งเก่าและลูบมือที่เนียนเหมือนหยกของเย่เสวียไปพลาง

“ข้ามีคำถาม” หมิงเย่เสวียถามเขาอย่างอ่อนโยนเมื่อเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง เธอดูใจเย็นและสูงศักดิ์ ทำให้ผู้พบเห็นเป็นสุข

แม้แต่หญิงสาวที่งดงามอย่างนายหญิงฉีเหยียนก็ยังยอมรับว่าการเรียกนางว่าสาวงามอันดับหนึ่งในโลกสมุนไพรหินอาจจะไม่พอ

“ข้ารู้ แต่ตอนนี้เรื่องนั้นยังไม่สำคัญนัก” หลี่ฉีเย่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าจะเข้าใจหลังจากนี้ แต่ข้าจะมีบางอย่างที่จะเตือนความจำของเจ้า อาณาจักรปรุงยาของเจ้ามีคนที่ใช้รูปแบบปราบปรามสวรรค์และมีเป้าหมายที่จะจับตัวข้า ! มันเป็นเพราะเจ้าข้าจะไม่จัดการปัญหานี้ แต่ถ้าหากมีครั้งที่สองละก็ข้าจะทำลายอาณาจักรนักปรงยาซะ ! ”

“ ทำลายอาณาจักรปรุงยา ! ” หญิงชรากล่าวด้วยน้ำเสียงที่โกรธเคือง นางมาจากอาณาจักรและเป็นผู้สืบสายเลือดโดยตรง นางจะมีความสุขที่เห็นหลี่ฉีเย่กล่าวต่อหน้าเช่นนี้ได้อย่างไร ?

“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ชอบขี้หน้าข้านัก” หลี่ฉีเย่หัวเราะและกล่าว “ถ้าเจ้าพบตัวตนร้อยชีวีต ก็บอกให้เขารู้ซะว่าอาณาจักรนักปรุงยาไม่ควรจะลืมเลือนความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้นในอดีต อย่าลืมว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขตอสูรศักดิ์สิทธิ์ ! ”

คำพูดเหล่านั้นทำให้นางไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ เพราะนางเคยได้ยินตำนานนี้และมีเพียงคนน้อยมากๆที่จะรู้เรื่อง แม้แต่ตัวตนระดับสูงในอาณาจักรก็ยังไม่รู้ !

“ นายน้อยหลี่ไม่ควรจะโทษท่านย่า นางก็แค่ปกป้องข้ามากเกินไป” หมิงเย่เสวียกล่าวช้าๆ

หลี่ฉีเย่มองไปยังหญิงชรา และกล่าว “ ข้าไม่ได้โมโห ถ้าข้าโมโหจริง กระทิงมังกรจักรพรรดิคงไม่ได้เพียงแค่แตะนางเบาๆ ! ”