หน้าของหญิงชราเจื่อนลง แต่นางอดดไม่ได้ที่จะโกรธ แค่พละกำลังของกระทิงนั้นมากมายเหนือที่นางจินตนาการนัก นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกไร้กำลังและไม่สามารถแม้แต่จะต่อต้านด้วยซ้ำ !
ความหยิ่งยโสของหลี่ฉีเย่ยิ่งทำให้นางรู้สึกน่าโมโห จากการที่นางเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่จากอาณาจักร ยิ่งทำให้นางอยากจะมอบบทเรียนสำหรับคนไม่มีความเคารพต่อคนอื่นเช่นเขา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เนื่องจากกระทิงที่แข็งแกร่งตัวนั้นยังอยู่
หมิงเย่เสวียขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ข้าก็มาเพระเรื่องนี้ ในอาณาจักรของเรามีผู้เชี่ยวชาญมากมาย แต่คนที่จะสร้างรูปแบบเช่นนั้นได้ต้องอยู่ระดับบรรพชน แต่ในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นบรรพชนสายตรงหรือสายข้างเคียง ก็ไม่มีใครกลับมามีชีวิต อย่างน้อยก็ไม่มีบันทึก ”
หลี่ฉีเย่หัวเราะ และกล่าวต่อว่า “ ถ้าอย่างนั้นก็ไปดูกัน ครั้งนี้ข้าจะไม่ทำอะไรเพราะเห็นแก่เจ้า แต่ครั้งหน้าข้าไม่รับปาก ”
หมิงเย่เสวีย พยักหน้าอย่างอ่อนโยนและกล่าวว่า “ไม่ว่าจะเป็นบรรพชนสายตรงหรือสายข้างเคียง ผู้อาวุโสจะต้องตรวจสอบเรื่องนี้แน่นอน เพื่อหาเหล่าบรรพชนที่ลงมือ ”
ด้วยนิสัยของนางที่เป็นคนเด็ดเดี่ยว หลังจากที่นางได้ตัดสินใจลงไปแล้ว นางก็อยากที่จะกลับไปในทันที โดยบอกกับหลี่ฉีเย่ว่า “ นายน้อยหลี่ต้องการไปกับข้าหรือไม่ ? หากท่านต้องการที่จะเข้าสู่ดินแดนบรรพบุรุษ ข้าจะแนะนำท่านให้กับท่านผู้อาวุโส”
สำหรับผู้เยาว์จากโลกสมุนไพรหินแล้ว โอกาสนี้เป็นโอกาสที่ได้รับเกียรติและหายากอย่างมาก ไม่ว่าผู้ใดก็ตามก็อยากได้รับเกียรตินี้
แต่ไม่ว่าจะเป็นความงามของนางหรือเพื่อต้องการไปชมดินแดนบรรพบุรุษแห่งอาณาจักรนักปรุงยา ทั้งสองอย่างก็เป็นสิ่งที่รุ่นเยาว์ล้วนต้องการ
ถึงอย่างนั้นหลี่ฉีเย่ก็เพียงอมยิ้มเอ่ย “เจ้ากลับไปก่อนเถอะ ข้าจะไปดูในภายหลัง”
ผู้คนจะกลายเป็นบ้าคลั่งหากพบว่าการเชิญชวนจากสาวงามอันดับหนึ่งนั้นถูกปฏิเสธ
แต่หมิงเย่เสวียก็ไม่ได้กล่าวขึ้นมาอีก หลังจากเอ่ยคำบอกลา นางก็ได้แต่กลับไปที่รถม้าและรีบจากไปเพื่อตรวจสอบเรื่องราวนี้
หลังจากเฝ้ามองรถม้าของหมิงเย่เสวียวิ่งจากไป หลี่ฉีเย่ก็เลิกมองตามและนั่งลง
นายหญิงอดไม่ได้ที่จะถามต่อหลังจากเขานั่งลงไปแล้ว “นายน้อย ท่านรู้จักเทพธิดาหมิงมาก่อนอย่างนั้นรึ ?”
หลี่ฉีเย่มองกลับไปยังทางที่หมิงเย่เสวียกลับไปและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าจะกล่าวอย่างไรดี ก่อนหน้านี้ ข้าไม่เคยได้ยินหรือรู้เรื่องราวอะไรเกี่ยวกับหมิวเย่เสวีย ผู้สืบทอดแห่งอาณาจักรปรุงยามาก่อน”
แต่เขาเลือกที่จะพูดไม่หมด เมื่อนานมาแล้วเขาได้ทิ้งของบางอย่างไว้ !
เที่ยยี่ คลานออกมาจากพื้นดินในเวลาเดียวกัน สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อว่า “ท่านเทพธิดาหมิง นั้นมีการหยั่งรู้ที่ลึกลับ ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ ”
นายหญิงพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วยกับคำวิจารณ์นี้ “ก็จริง แม้ว่าชื่อเสียงของเทพธิดาหมิง จะไม่ดังถึงกับเย่ฉิงเฉิน ด้วยเพราะความเป็นปริศนาและการกระทำ หลายต่อหลายคนก็ยังพิจารณานางว่าอาจจะสูสีกับเย่ฉิงเฉิน”
“ ฝ่าบาทฉีเยียน เข้าใจความของข้าผิดไป” เที่ยยี่ส่ายหน้าของเขาและกล่าวต่อ “ถ้าไม่เพียงจะพูดถึงความน่ากลัวของนางแต่หวาดกลัวชาติกำเนิดต่างหาก นั้นน่ะเป็นเรื่องใหญ่กว่ามาก ! ”
หลังจากที่ได้ฟังคำกล่าวของมด ท่านหญิงชะงักกึก และกล่าวสอบ “ หลายตัวตนทรงอำนาจรู้ต้นกำเนิดของเย่ฉิงเฉิน เขานั้นมาจากเผ่าหินยักษ์ แต่ความจริงนั้นห่างไกลกว่านั้นเพราะเขานั้นมาจากหินศักดิ์สิทธิ์ ! ”
“ข้าก็ได้ยินเรื่องนี้มาเช่นกัน” เทียยี่พยักหน้ารับรู้และกล่าวต่อ “ ชีวิตเย่ฉิงเฉินในนั้นอดีตนั้นมาอาณาจักรเขตแดนหินเป็นหินได้ที่รับการกลั่น ตำนานกล่าวว่าหินนั้นมาจากบรรพบุรุษของพวกเขา จักรพรรดิอมตะชิเฟิงทว่า ที่มาจริงๆในรุ่นปัจจุบันนั้นไม่สามารถเดาได้ พูดให้ง่ายๆก็คือนั้นเป็นสุดยอดหินของอาณาจักร..”
“ มันถูกซ่อนไว้ในสถานที่เต็มไปด้วยพลังงานโลกของอาณาจักรเขตแดนหิน สำหรับรุ่นก่อนปราชญ์อมตะใช้คัมภีร์เต๋ากับหินนี้และใช้พลังงานจากเลือกของพวกเขาเพื่อสร้างมัน เมื่อไม่กี่สิบปีก่อนหินนี้ก็ได้รับพลังงานของสวรรค์และปฐพีและได้รับชีวิต ! มันน่าเหลือเชื่ออย่างมาก ในตอนนี้มันยังเต็มไปด้วยเลือดและเนื้อ !” เที่ยยี่อดไม่ได้เที่เลียปากหลังจากกล่าวมานาน
นายหญิงพยักหน้าและกล่าวว่า “เย่ฉิงเฉิงเป็นคนที่ยอดมาก หลังจากผ่านเรื่องต่างๆมามากมายปราชญ์อมตะได้ถ่ายถอยเต๋าต่างๆลงมาและทิ้งมันไว้ บางคนถึงกับกล่าวว่าเขาจะได้เป็นจักรพรรดิอมตะบาชิคนที่สอง นิกายหรือเชื้อสายใด แม้จะเป็นหนึ่งนิกายที่มีสองจักรพรรดิอมตะอย่างหุบเขากลืนสวรรค์ พวกเขาล้วนมีความมั่นใจอยากมากว่าเขาจะกลายเป็นจักรพรรดิอมตะ ”
นายหญิงตกใจเป็นอย่างมากหลังจากคิดถึงสิ่งที่นางพึงกล่าว นางนึกถึงสิ่งที่นายน้อยเพิ่งจะกล่าวไปได้ไม่นาน จากสิ่งที่เทียยี่เล่า ถ้าหากต้นกำเนิดของเย่ฉิงเฉิงนั้นน่ากลัวแต่ต้นกำหนดของหมิงเย่เสวียยิ่งใหญ่กว่านั้น และต้นกำเนิดของนางคืออะไรกันแน่ ? ”
นายหญิงประดิดประต่อเรื่องราว จนกระทั่งรู้ว่า คนนอกมักจะคิดว่าหมิงเย่เสวียเป็นลูกหลานแห่งตระกูลหมิง ตระกูลจักรพรรดิ แต่หลังจากได้ยินเรื่องราวเมื่อสักครู่แล้ว ก็พบว่านางมีชาติกำเนิดที่ต่างออกไป
“ ไปกันเถอะ ไม่จำเป็นต้องมาใส่ใจกับเรื่องแบบนี้” หลี่ฉีเย่กล่าวแล้วคลี่ยิ้มจาง “การประชุมนักปรุงยาจะเริ่มแล้ว พวกเราควรจะไปเมืองปรุงยากันได้แล้ว”
“อืม......” คอของเที่ยยี่ตกลงหลังจากได้ยินประโยคดังกล่าว ในระหว่างที่เขากำลังจะซ่อนตัว ก็กล่าวขึ้นมาอย่างกลัวๆว่า “ไปเมืองปรุงยา...อาจจะมีอันตรายมากมายคอยอยู่”
หลี่ฉีเย่ มองเขาและกล่าวว่า “ เจ้านี้ไปทำผิดอะไรอย่างไม่น่าให้อภัยไว้สินะ ถึงไม่กล้าที่จะไปเหยียบเมืองปรุงยา ? ”
เที่ยยี่ได้แต่ยิ้มแห้ง “นายน้อยเข้าใจข้าผิดแล้ว ข้าผู้ต่ำต้อยคนนี้เพียงแค่เป็นห่วงท่านเท่านั้นเอง จากที่นายน้อยเห็นก่อนหน้า อาณาจักรปรุงยามีคนที่ไม่ประสงค์ดีกับเรานัก ฝีมือการปรุงยาของนายน้อยเป็นที่หาตัวจับยาก อาจจะมีบรรพชนเที่ยงธรรมค่อยจับท่านอยู่ก็เป็นได้ ”
สิ้นคำ หลี่ฉีเย่มองจ้องไปยังทางที่จะนำพาไปสู่อาณาจักรปรุงยา และเผยรอยยิ้มอ่อนโอน “ ข้ากลัวว่าอาณาจักรนักปรุงยาจะไม่ลงมือมากกว่า ถ้าพวกคนเหล่านั้นต่อต้านข้าทุกอย่างจะง่ายดายกว่าเดิม แต่ถ้าพวกนั้นเป็นมิตรและทำเหมือนข้าเป็นแขกละก็ อาจจะทำให้ข้าลำบากใจถ้าจะลักพาตัวหมิงเย่เสวียมาก็ได้ ถ้าพวกเขาอยากจะฆ่าข้า ถ้าเป็นเช่นนั้นน่าจะดีกว่า ”
นายหญิงเผยรอยยิ้มออกมาและถามต่อ “ นายท่านชอบเทพธิดาหมิง ? ”
หลี่ฉีเย่ได้แต่หัวเราะและตอบกลับว่า “ จะเรียกว่าชอบไปได้อย่างไรกัน ? ข้าก็แค่อยากให้สตรีนางนั้นอยู่เคียงข้างข้าในอนาคต ! ถ้าอาณาจักรปรุงยาต้องการสันติ และข้าก็สามารถให้ได้ แต่ถ้าต้องการวิธีการรุนแรงข้าก็มอบให้ได้อย่างง่ายดายเช่นกัน ! ”
“เทพธิดาหมิงสำคัญกับนายท่านขนาดนั้นเลย ? ” นายหญิงฉีเหยียนขยับตัวเล็กน้อย นางตระหนักได้ว่าจริงๆ แล้วนายท่านอาจจะไม่ได้หลงรักหมิงเย่เสวียแต่อาจจะมีเหตุผลมากกว่านั้นที่ต้องการให้นางอยู่เคียงข้าง
หลี่ฉีเย่ไม่ได้ตอบคำถามต่อ เขาเพียงแต่มองไปยังสถานที่แสนไกลเพื่อรำลึกถึงอะไรบางอย่างเท่านั้น
จากนั้นหลี่ฉีเย่ก้หลับกลับมาเอ่ยกับเทียยี่ " ไม่ว่าจะไปอาณาจักรนักปรุงยาหรือไม่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้า ในเวลานั้นข้าเพียงต้องกลั่นยาให้เจ้า หากเจ้าหนีมันจะพลาดโอกาสที่ดี อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเจ้า "
เทียยี่นั้นสั่นสะท้าน เขารีบตบอกของตัวเองด้วยความตื่นเต้นและเอ่ย “นายน้อย ไม่ต้องกังวลไป ไม่ว่าท่านจะไปแห่งใด ข้าจะตามไป ! และจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังเป็นอันขาด ! ”
หลี่ฉีเย่ ยิ้มตอบและกล่าว “ไม่ต้องมาพูดจาไร้สาระ เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้รึว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ ? ”
เทียยี่ได้แต่ไอแห้งๆ เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก นายหญิงมองไปยังเทียยี่ครู่หนึ่ง นางรู้ดีกว่าเที่ยยี่เป็นคนขี้ขลาด อย่างน้อยก็ตัดสินง่ายๆได้จากรูปลักษย์ เขาไม่ได้อยากที่จะไปอาณาจักรปรุงยาเลย แต่เมื่อได้ฟังคำของนายน้อยแล้ว เขาก็หมดสิ้นหนทางการต่อรอง ยิ่งทำให้นายหญิงสงสัยมากขึ้นเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของเขา !
ทั้งกลุ่มได้เดินทางไปยังเมือง โดยกระทิงได้นำไปด้วยความเร็วที่สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่นานนัก พวกเขาก็มาถึง
เมืองปรุงยาตั้งอยู่ในโลกสมุนไพรหิน รู้จักกันชื่อ เมืองจักรพรรดิหรือเมืองหลวงนักปรุงยา !
แม้ว่าจะถูกเรียกว่าเมือง แต่ก็ไม่ใช่เมืองที่แท้จริง ในเก้าโลกเมื่องส่วนใหญ่จะตั้งประเทศของตนขึ้นมาเป็นเมืองหลวงจะเป็นสถานที่ที่เก่าแก่และมีขนาดใหญ่
เมืองนักปรุงยาจริงๆแล้วมันไม่ใช่เมืองธรรมดา มันมีทั้งกำแพงสูงตระหง่า รวมถึงผู้เชียวชาญที่ลาดตระเวน สถานที่แห่งนี้จึงถูกเรียกว่าเมืองจักรพรรดิ..