หากได้มองไปยังเมืองปรุงยาแล้ว จะพบกับหุบเขาสุดลูกหูลูกตาและมหัศจรรย์ มีแม่น้ำขนาดใหญ่ที่ทำให้นึกถึง งูสีเงิน ทุกอย่างในเมืองดูมีชีวิตชีวาและมีพลังงานของโลกแฝงอยู่ในอากาศที่หายใจ ผีนหญ้าที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณและวัตถุดิบปรุงยาส่องประกายตามยาวจนสุดสายตา
เข้ามาภายในอาณาจักรปรุงยาทั้งหมดเป็นอาณาจักรขนาดใหญ่ ไม่มีกำแพงหรือส่วนกั้น ภายในภูเขามีศาลาที่ตั้งตระหง่านบนท้องฟ้า ท่ามกลางวัดและหน้าผามากมาย
มีตึกรามที่ซ่อนอยู่ทุกหนแห่งในสถานที่นี้สะพานศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อมภูเขาแต่ละลูกไว้ด้วยกันผู้พบเห็นอาจจะคิดได้ว่านี้มันคือดินแดนอมตะ
มีตำนานโบราณกล่าวไว้ ว่าเมืองนี้ในอดีตไม่ได้มีชื่อว่าเมืองปรุงยา แต่ผู้คนต่างขนานนามว่าเป็น เมืองฟีนิกซ์ ด้วยเหตุผลที่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ ต่อมาได้มีการเปลี่ยนชื่อแม้วแต่ตระกูลจักรพรรดิไม่ทราบรายละเอียดที่แน่ชัดนัก
มีการคาดเดามากมายถึงชื่อของเมืองฟีนิกซ์ อย่างไรก็ตามการคาดเดาเหล่านั้นก็แค่ การพูดถึงทั่วไปโดยไม่มีหลักฐาน
อย่างไรก็ตาม มีอยู่หนึ่งเหตุผลที่พอฟังได้ ในอดีตไม่มีเผ่าพันธุ์มนุษย์ในสถานนี้นี้ และไร้ซึ่งเผ่าพันธ์หินยักษ์และปีศาจเช่นกัน เพราะไม่มีใครสามารถที่จะย่างกรายเข้ามาที่นี้ได้เลย
นี้เป็นเพราะต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ฝังรากอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ต่อมาฟินิกซ์ก็เดินทางมาและเลือกต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เพื่อทำรัง จากนั้นเป็นต้นมา ฟินิกซ์ก็อาศัยอยู่บนต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ มองลงมายังเก้าโลกและไม่มีผู้ฝึกตนใดกล้าเข้ามา
แต่ถึงกระนั้น ทั้งฟีนิกซ์และต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าพวกเขาจะทรงอำนาจและเต็มไปด้วยความลึกลับ ยามเมื่อายุขัยหมดลงพวกเขาก็ได้หายไป
ตำนวนกล่าวต่อถึงช่วงเวลานั้น ทั้งสองต่างก็ไม่ยอมที่จะตายและต้องการที่จะเกิดใหม่อีกครั้ง เพราะฉะนั้น นกฟินิกซ์จึงจัดการเผาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ทิ้งและใช้มันเป็นไฟศักดิ์สิทธิ์เพื่ออาบให้กับตนเอง ด้วยความหวังที่ว่าจะได้รับนิพพานแห่งการเกิดใหม่
โชคร้ายที่ทั้งสองอย่างนั้นต่างก็ทำไม่สำหรับ ไฟอันศักดิ์สิทธิ์เผาไหม้เป็นเวลายาวนั้นกว่าพันปีก่อนจะเหลือไว้เพียงเถ้าถ่าน ! แน่นอนยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหลืออยู่นั้นก็คือต้นไม้ แม้ว่าจะโดนเผาเป็นเถ้าถ่านแล้ว ก็ยังถูกทิ้งให้อยู่ดินแดน ที่อุดมสมบูรณ์
จากนั้นมา เวลาผ่านไปพันปี จิตวิญญาณแห่งยานับไม่ถ้วนและต้นไม้ก็ปรากฏในสถานที่แห่งนี้ ยังมีสายพันธุ์สัตว์มากมาย และมีข่าวลือว่าในพื้นที่ที่ลึกที่สุด ฟีนิกซ์และรากไม้ศักดิ์สิทธิ์ก็ยังคงถูกเผาอยู่ !
เมื่อเวลาผ่านไปเนิ่นนาน มีเพียงกี่คนเท่านั้นที่รู้ว่า ครั้งหนึ่ง อาณาจักรปรุงยาเคยถูกเรียกว่าเมือง ฟีนิกซ์มาก่อน อย่างไรก็ตาม ดินแดนแห่งนี้นั้นเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาและพลังงาน
หลี่ฉีเย่ไม่ได้เข้าไปในส่วนต้อนรับของอาณาจักร เขาเลือกที่จะดูสถานการณ์จากภูเขาภายในเมืองแทน
มีตึกรามและวัดในเมืองมากมาย แต่ภูเขาและยอดเขาที่ยังไม่เคยถูกค้นพบก็มีมากมายเช่นกัน
อาจจะกล่าวได้เลยว่า ผู้ใดที่มาที่นี้สามารถจับจองเขาเพื่อพักได้ แต่ก็ทำได้เพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆเท่านั้นเพราะไม่มีอะไรที่ยั่งยืน
สำหนังผู้ที่จะจัดตั้งอยู่และสร้างพื้นที่ของตัวเองจะต้องขออนุญาตจากตระกูลจักรพรรดิก่อน นี้สำหรับกลุ่มคนของอาณาจักรหรือกลุ่มที่มีสายเลือดใกล้ชิดกับตระกูลจักรพรรดิเท่านั้น ไม่มีโอกาสดีๆให้สำหรับคนนอก !
คนนอกที่เพียงเข้ามาและอาศัยที่เขาแห่งนี้เป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น ไม่มีใครกล้าพักอาศัยอย่างยาวนานเนื่องจากเป็นการกระทำนี้เป็นการท้าทายอาณาจักร
หลี่ฉีเย่เลือกภูเขาใหญ่มาลูกหนึ่ง ที่สามารถไปตามทางผ่านก้อนเมฆได้ ยืนอยู่บนเขา ไอร้อนแห้งก็กระทบกับใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ในเวลานี้จะต้องรู้สึกหัวเสียอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ ก็เป็นเรื่องขนาดของการสังเกตการณ์ เขาที่แยกตัวออกมาลูกนี้แยกตัวโดดออกมาจากดินแดนอุดมสมบูรณ์
นายหญิงอดไม่ได้ที่จะกล่าวหลังจากที่ยืนอยู่บนยอดสุดของสถานที่นี้ “พลังแห่งโลกของเขาลูกนี้ น่าจะหมดไปแล้ว ”
หลี่ฉีเย่ ผู้ยืนอยู่บนยอดถูกเพื่อมองดูทั้งสี่ทิศ แต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมาเพิ่มเติม
เที่ยยี่เองก็มองดูดินแดนที่ห่างออกไปอยู่รอบนอก เขาสังเกตได้ว่าพืชพันธุ์แถวนี้ไม่งามนักและดูจะขาดพลังไปมากอยู่ เขากล่าวขึ้นทันทีเลยว่า “ไม่ใช่แต่พลังงานของภูเขาเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโดยรอบนี้จะได้รับผลด้วยเช่นเดียวกัน”
หลี่ฉีเย่หลุบสายตาที่จ้องอยู่ ยิ้มจางและกล่าว “ เราจะอยู่ตรงนี้กัน ”
นายหญิงดูสับสนและกล่าวว่า “นายน้อยอาณาจักรปรุงยาได้เตรียมโถงหลักเพื่อรองรับนักปรุงยาสำหรับการชุมนุมในครั้งนี้ ทำไมเราไม่ไปที่นั้นกัน ? ”
“ฆ่าตอนอยู่ด้านนอก สะดวกกว่า” หลี่ฉีเย่ตอบด้วยรอยยิ้ม
นายหญิงอดไม่ได้หัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเทียบด้วยเหตุผลที่ว่าไปก่อนหน้า การอยู่ที่นี่ดีกว่าจริงๆ
นางกล่าว “หากนายน้อยอยากจะฆ่าใคร ท่านน่าจะเลือกสถานที่ที่ดีกว่านี้ พื้นที่ตรงนี้ก็แค่ทำให้ผู้คนหวาดกลัวและอาจจะทำให้พวกเขาขุ่นเคือง ”
“เจ้ากล่าวถูก ” หลี่ฉีเย่กล่าวชม “นี้อาจจะไม่ใช่สถานที่ที่ดีมาก แต่เป็นที่ที่เหมาะสมสำหรับการฆ่า ถ้าเราอยู่ที่นี้หลังจากนี้อาจจะได้เห็นการแสดงอะไรดีๆ ”
นายหญิงหยุดบทสนทนาไว้อย่างนั้น และเริ่มอัญเชิญศาลา แค่เพียงพริบตา ก็มีลานสี่เหลี่ยมตกลงมายังหุบเขา และเสียงน้ำไหลที่ได้ยินมาจากสวย ไม่เช่นนั้น ภูเขาแห้งๆนี้อาจจะทำให้คนเป็นบ้าได้
ในระหว่างที่นายหญิงตระเตรียมห้อง หลี่ฉีเย่ก็สั่งการเทียยี่ “ จงไปตรวจตรารอบเมืองว่ามีข่าวดีอะไรหรือไม่”
เที่ยยี่เอ่ยถามอย่างรวดเร็ว " ข่าวแบบใดที่นายน้อยต้องการ ? "
หลี่ฉีเย่เหลือบมองเขาและเอ่ย " เจ้าไม่รู้ความคิดของผู้คนรึ ? เจ้าคิดว่าข่าวแบบใดที่ข้าต้องการ ? "
เทียยี่ตอบกลับ “ รับทราบ, นายน้อยไปพักผ่อนได้เลย ข้าจะกลับมาเล่าให้สิ่งที่ต้องการให้ท่านฟัง” กล่าวเสร็จเขาก็เดินจาากไป
หลี่ฉีเย่เหยียดยิ้มและถาม “เดี๋ยวก่อน ทำไมเจ้าไม่มุดดินไปละ ? ” จนกระทั่งตอนนี้ เทียยี่ก็ยังใช้การเดินทางโดยใต้ดินอยู่
“นายน้อย ท่านต้องล้อข้าเล่นแน่ๆ” เทียยี่ไอค่อกแค่กและกล่าวต่อ “ใต้ดินของอาณาจักรปรุงยา อันตรายมาก - ผู้ที่เป็นนักเดินทางใต้ดินต่างรู้ดี อีกอย่าง นายนอกเลือกสถานที่นี้เพื่อพัก ข้าจะมุดดินไปมาง่ายๆได้อย่างไร? อย่างดี ข้าก็แค่มุดลงไปได้แค่สองสามเมตรจากพื้นดินเท่านั้นเอง และไม่สามารถมุดได้ลึกกว่านั้น จะเกิดอะไรขึ้นหากมีบางอย่างดูดข้าลงไป ? ข้าจะต้องจบชีวิตแน่ ! อะไรจะน่ากลัวไปกว่าการที่ข้าแตะต้องเขตแดนต้องห้ามของอาณาจักร ถึงตอนนั้น ข้าจะไม่ตายแล้วรึ ? ”
“หืม งั้นเจ้าก็เคยลงมาก่อนสินะ ?” หลี่ฉีเย่ถามด้วย น้ำเสียงแจ่มใส
เทียยี่ได้แต่ยิ้มแห้งๆและไม่พูดอะไรต่อ เขารีบหนีไปจนดูเหมือนจะเลี่ยงคำถามด้วยซ้ำ
หลังจากนายหญิงได้เตรียมสถานที่ส่วนของหลี่ฉีเย่เสร็จสิ้น นางก็เข้าไปในสวoและเห็นนายน้อยกำลังเล่นอยู่กับหม้อและชาม ที่มีผงประกายบางอย่างอยู่บนพื้นดิน เขาได้ทิ้ง อะไรแปลกๆมากมายไว้บนเขาลูกนี้
หลังจากเห็นหม้อและชามรวมถึงผงแปลกๆต่างๆที่อยู่บนพื้นนายหญิงฉีเยียนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม " นายท่านกำลังทำสิ่งใด ? "
หลี่ฉีเย่ที่กำลังยุ่งเอ่ยตอบ “ก็แค่เตรียมการอะไรสองสามอย่าง หนึ่งคือการเตรียมตัวก่อนลงมือฆ่า ช่วงหลังมานี้ข้ารู้สึกคันยิบๆที่มือ และมีวิธีการอยู่สองสามวิธีที่ข้าไม่ได้เล่นมาสักพักแล้ว การฆ่าผู้คนไวเกินไปน่าเบื่อ ”
“นายท่านพูดถึงวีธีการใดอยู่? ” นายหญิงจ้องมองไปยังหม้อ มีหลายต่อหลายอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
หลี่ฉีเย่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จะพูดให้ถูก นี้ก็แค่ส่วนหนึ่งของการปรุงยา การปรุงยาไม่ใช่เพียงการทำยาหรือรักษาแผลเท่านั้น เป็นศิลปะที่อุดมไปด้วยการเรียนรู้ถึงสัตว์ร้าย การเปลี่ยนแปลงหายนะและการขโมยอะไรบางอย่างจากสวรรค์...”
เขาหรี่ตาและพูดต่อ “ผู้คนมักจะกล่าวว่า อาณาจักรปรุงยาเป็นต้นแบบของการปรุงยา ถ้าเราเล่นงานด้วยการปรุงยา ก็คงน่าสนุกใช่ไหม ? การใช้แต่กำลังต่อสู้นี้คงน่าเบื่อน่าดู”
ตอนนี้นายหญิงก็ยังคงดูไม่ออกว่า นายน้อยของนางวางแผนอะไรอยู่ เวลาผ่านไปไม่นาน ครู่หนึ่ง เขาก็ปรุงยาในหม้อเหล่านั้นสำเร็จ ทุกอย่างมีรูปร่างแปลกตา และดูประหลาดยิ่งทำให้นายหญิงงุนงงมากขึ้นไปอีก
ไม่นาน หลี่ฉีเย่ก็ทำทุกอย่างสำเร็จ เขาปัดมือของตัวเองและกล่าวว่า “ ข้าไม่ได้เล่นแบบนี้มาสักพักใหญ่ๆแล้ว เพราะงั้นอาจจะดูประหลาดไปบ้าง สมบัติของบิดาแห่งต้นไม้นี้สุดยอดจริงๆ มีทุกอย่างที่ข้าต้องการ ไม่อย่างนั้นข้าคงจะต้องไปหาทีละอย่าง ”
ก่อนจะมาที่อาณาจักร นายหญิงได้รู้มาบ้างว่า นายน้อยได้ไปมาที่คลังสมบัติของบิดาแห่งต้นไม้ นั้นก็เพื่อมาใช้นามนี้นี่เอง
“นายน้อย ท่านจะนำของเหล่านี้ไปทำอะไร ?” นายหญิงที่ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้จึงเอ่ยปากถามไปตรงๆ
“ เจ้าจะรู้เอง อีกไม่นาน” หลี่ฉีเย่ตอบด้วยรอยยิ้ม เขาหรี่ตาของเขาละกล่าวว่า “ข้าหวังแค่ว่า ศัตรูจะไม่ทำให้ข้าผิดหวังนัก ไม่เช่นนั้นการเล่นรอบนี้มันจะน่าเบื่อเกินไป ”