หลี่ฉีเย่รู้สึกผ่อนคลายเมื่อมองไปยังอาณาจักรจากที่ห่างไกล ถึงอย่างนั้นนายหญิงและเทียยี่เองก็รู้สึกถึงกลิ่นของเลือด พวกเขาเห็นภาพท้องฟ้าปกคลุมไปด้วชั้นเลือดและกระแสโลหิตปราากฏ หลี่ฉีเย่สัตว์อสูรบรรพกาลที่รอให้เหยื่อมถึงหน้าประตู
สักพักหนึ่งต่อมา หลี่ฉีเย่มองไปยังเทียยี่และกล่าว “ มีข่าวอะไรอีก ? ”
เที่ยยี่ตอบอย่างตื่นเต้น “ นายน้อยจะต้องชอบข่าวชิ้นสุดท้ายนี้และรู้สึกตื่นเต้นแน่ๆ”
หลี่ฉีเย่ โบกมืออีกครั้ง “อย่าพูดเยอะ พูดมา”
“ท่านเทพธิดาหยวนก็อยู่ที่นี้ด้วย” เทียยี่กล่าวต่อทันที “มาถึงก่อนเราสักครู่หนึ่ง อันที่จริง นางอยู่ในเมืองปรุงยา”
“ไฉ่เหออยู่ที่นี้? ” หลี่ฉีเย่ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน หลังจากแยกทางกันที่ภุเขายอดสวรรค์หยวนไฉ่เหอบอกไว้ว่านางอาจจะไม่สามารถเข้าร่วมชุมนุมได้
เทียยี่ตอบกลับ “ใช่แล้ว ข้าได้ยินว่ารากศักดิ์สิทธิ์ของบรรพชนคนนั้นกำลังป่วย เป็นปัญหาที่ค่อนข้างใหญ่นัก ดังนั้นพวกเขาจึงเชิญท่านเทพธิดาหยวนมา ข้าได้ยินว่าเขาและผู้นำนิกายของส่วนความเงียบนั้นมีความสัมพันธ์ที่เป็นมิตรกันอยู่ ก็ไม่น่าตกใจนักถ้าเขาจะเชิญนางมาได้”
เทียยี่ที่อยู่กับเขาทั้งสองในตอนนั้นที่ภูเขายอดสวรรค์เข้าใจดีกว่าหลี่ฉีเย่ให้ความสำคัญกับหยวนไฉ่เหอไว้มาก ดังนั้นเขาจึงตั้งใจรับข่าวมาโดยไม่พลาดทุกรายละเอียด
“ นายน้อยอยากจะพบเทพธิดาหยวนในตอนนี้ ? นางอยู่ที่คฤหาสน์ของรากบรรพชน ข้าได้ยินมาว่าเมื่อสองวันก่อน บรรพชนได้เชิญนักปรุงรุ่นเยาว์จำนวนมากไปยังคฤหาสน์ของเขา ”
หลี่ฉีเย่กล่าวอย่างยินดี “ถ้าไฉ่เหออยู่ที่นี้ ข้าว่าเราน่าจะไปดูนางกันสักหน่อย ยังไงข้าก็ไม่มีอะไรทำ ”
นายหญิงรู้สึกประหลาดใจ นอกจากนายน้อยจะให้ความสำคัญกับหมิงเย่เสวีย แต่ตอนนี้เขาก็นึกถึงหยวนไฉ่เหอด้วย
“ บางทีมีเพียงเทพธิดาหยวนที่สามารถดึงดูดนายท่านได้” นายหญิงกล่าวติดตลก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นายน้อยของนางก็เป็นผู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและไม่ค่อยให้ความสำคัญต่อสิ่งใดนัก และถ้าจะตระเตรียมการอะไร ก็จะเตรียมการไว้อย่างไม่รีบร้อน อาจจะพูดได้ว่านี้เป็นครั้งแรกที่นางเห็นนายน้อยเริ่มคิดจะไปตามหาหญิงสาว
หลี่ฉีเย่ได้แต่ส่ายหน้าและยิ้มตอบ “ฉีเหยียน คำของเจ้าถูกแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ไฉ่เหอเป็นเด็กดีที่ใครๆต่างก็รักนาง แต่มีหญิงสาวไม่กี่คนในโลกที่สามารถเอาใจข้าไปได้” เขาคิดถึงอดีตหลังกล่าวจบเพียงครู่หนึ่งอย่างเศร้าโศก
จากหมื่นปีที่ผ่านไป หญิงสาวที่อยู่เคียงข้างเขานั้นมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเทพธิดา หรือเจ้าหญิง ทุกนางต่างสวยสะกดผู้คึรและฉลาด บ้างก็มีเสน่ห์และอ่อนโยน เป็นผู้ที่ทำให้พึงใจและควรค่าแก่ความรัก เขาเคยแม้แต่ฝึกสอนเหล่าจักรพรรดินีด้วยตัวเขาเองด้วยซ้ำ
แต่เมื่อเวลาผ่านไปแสนนาน มีหญิงสาวเพียงไม่กี่คนที่จะทำให้ใจของเขาเต้นแรง เขาส่ายหน้าเบาๆอีกครั้งเพื่อไล่ความคิดออกจากหัว
คฤหาสน์รากในเมืองนั้นมีขนาดใหญ่นัก ยอดเขามากมายอยู่วางเรียงต่อกัน มีวิวของเทือกเขามากมาย จนแทบจะเป็นพื้นที่ของตัวสถานที่นี้เอง มีเพียงสถานที่ไม่กี่แห่งเท่านั้นที่จะมีขนาดเท่านี้
ถึงจะอย่างนั้นรากบรรพชนก็ยังมีสิทธิ์ที่จะครอบครองที่แห่งนี้ ขุนนางของอาณาจักร เขาเป็นบรรพชนที่เก่าแก่ที่สุด และยังเป็นศิษย์สาขาหลักด้วย - แค่เพียงพื้นหลังอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงสถานะของเขา
นอกจากนี้เขายังเคยสร้างผลงานอันมีค่าให้กับอาณาจักรมาตลอดชีวิต ความภักดีของเขาที่มีต่อเชื้อสายราชวงศ์ได้พิสูจน์ให้เห็นผ่านงานที่ยากลำบาก ทำให้เป็นที่โปรดปราณของเชื้อสายราชวงศ์เป็นอย่างมาก
เมื่อสองสามวันก่อนบรรชนได้จัดงานเลี้ยงให้กับนักปรุงยารุ่นเยาว์มากมาย แม้แต่ผู้ที่ไม่ได้ถูกรับเชิญก็สามารถร่วมงานได้ในฐานะแขก ประตูของบรรพชนเปิดกว้างและยินดีต้อนรับนักปรุงยาทุกคน
อาณาจักรปรุงยามีห้องโถงใหญ่เพื่อรองรับนักปรุงยาใหม่จากการชุมนุมครั้งนี้ แต่การกระทำของบรรพชนเห็นชัดได้ว่าเป็นกลยุทธิ์จากเชื้อสายราชวงศ์ เป้าหมายของเขาคือการเฝ้าดูนักปรุงยารุ่นเยาว์และถ้าเห็นคนใดที่มีความสามารถเขาจะต้องรับคนที่มีความสามารถเหล่านั้นให้มาทำงานเพื่ออาณาจักร
จากเหล่านักปรุงยามากมาย ผู้ที่ได้รับเชิญโดยตรงจากบรรพชนมายังคฟหาสน์มักจะเป็นนักปรุงยาที่มีชื่อเสียง และสำหรับผู้ที่ไม่ได้รับเชิญก็ยังสามารถมาเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับนักปรุงยาคนอื่นๆในอนาคตได้
ภายในคฤหาสน์พวกนักปรุงยารุ่นเยาว์จะถูกแยกออกเป็นกลุ่ม ด้านนอกจะพูดคุยกันเรื่องการปรุงยาและยาจิตวิญญาณ และยังคุยกันเรื่องเหตุการณ์ต่างๆ
แขกที่ดูจะเด่นที่สุดในงานก็คือ เจ้ากระถางและนักปรุงยามือปีศาจที่ถูกรายล้อมไปด้วยนักปรุงยารุ่นเยาว์มากมายที่อยากจะสร้างสัมพันธ์กับพวกเขา
นักปรุงยามือปีศาจเป็นอัจฉริยะแห่งตระกูลไป๋หลาน เป็นน้องชายของเทพนักปรุงยาผมขาว แม้ว่าจะเป็นคนเย่อหยิ่งและเข้าถึงยากแต่คนก็อยากจะเป็นเพื่อนกับเขาอยู่ดี
เช่นเดียวกับ เจ้ากระถาง เป็นนักปรุงยาอัจฉริยะแห่งนิกายผลึกมณีทะเล แม้ว่าชื่อเสียงของเขาจะไม่โด่งดังเท่ารุ่นก่อน แต่ถึงอย่างนั้นนายน้อยเป่ยหยู่ก็เป็นอัจฉริยะด้านปรุงยาของตระกูลจักรพรรดิก็ยังรู้ดีว่าเขาค่อนข้างมีชื่อเสียงในเขตปรุงยา
วันนี้ทั้งสองได้รับคำเชิญจากบรรพชนให้มายังงานเลี้ยงนี้ เปรียบได้เหมือนพระจันทร์สองดวงที่ถูกรายล้อมไปด้วยหมู่ดาว พวกเขาได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากนักปรุงยารุ่นเยาว์
“ท่านเจ้ากระถาง ข้าได้ยินมาว่า นายน้อย เป่ยหยู่กลับมาแล้ว เขาจะมาที่เมืองปรุงยาหรือไม่ ? ” นักปรุงยารุ่นเยาว์พยายามพูดคุยกับเจ้ากระถาง
แม้ว่าเจ้ากระถางจะได้รับยศมา เขาก็เป็นปีศาจที่อายุยังน้อย หลังจากได้ยิน เขาก็ได้แต่พยักหน้าและกล่าว “ หลังจากพี่ชายของข้าออกมาจากการฝึกตน เขาก็ได้ไปท่องเที่ยวในเขตอสูร ข้าเชื่อว่าเขาอยากจะต่อสู้กับเจ้าชายวัวทองคำ ”
“ กายาประกายสวรรค์ของนายน้อยเป็นที่หนึ่งไม่เป็นสองรองใคร เขาต้องไม่แพ้ต่อเจ้าชายวัวทองคำอย่างแน่นอน” นักปรุงยาอยากจะชื่นชมเจ้ากระถาง
“ เจ้าโง่ เจ้าจะรู้อะไร ” เป็นตอนเดียวกับนักปรุงยามือปีศาจเข้ามาขัดจังหวะ “ เผ่าวัวทองคำคือเผ่าที่ยากจะหาคนเทียบ เจ้าชายไม่เพียงจะมาจากเผ่าพันธุ์นี้เท่านั้น หากแต่เขาก็เป็นผู้สืบทอดแห่งหุบเขากลืนสวรรค์ที่มรดกจากตำนานถึงสองอย่าง ! แม้ว่าเป่ยอยู่จะมีการป้องกันที่แข็งแกร่งมาก แต่ก็ไม่อาจะด้านทานการโจมตีของเจ้าชายได้ ! ”
แม้มือปีศาจจะอายุน้อยนัก แม้ว่าทั้งสองจะเป็นอัจฉริยะ แต่เจ้ากระถางก็สามารถเข้าถึงได้ง่ายมากกว่า แต่ดวงตาของ มือปีศาจนั้นมักจะมองสูงไปบนฟ้าอยู่เสมอ เขาภาคภูมิใจในตัวเองและไม่เคยจะนึกถึงผู้ใด
แม้ว่าคำพูดของเขาจะไม่เข้าหูนักปรุงยามากมาย แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะต่อต้าน ได้แต่เก็บความไม่พอใจนั้นไว้ในใจ
แม้แต่เจ้ากระถางเองก็ไม่อยากเป็นศัตรูกับเขา ทุกคนรู้ถึงฝีมือการปรุงยาของตระกูลไป๋หลานนั้นเป็นที่ยอมรับ โดยเฉพาะสมุนไพรชีวิต มีบรรพชนและปรมาจารย์ในตำนานจำนวนมากที่ต้องการมีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลไป๋หลานเพื่อยาเหล่านี้
“ในการชุมนุมครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมมากมายที่มีชื่อเสียง ถูกหรือไม่ ?” หนึ่งในนะปรุงยารุ่นเยาว์ที่รู้สึกว่าบรรยากาศเริ่มไม่สู้ดีนักเลยเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา
ด้วยความที่เป็นนักปรุงยาอัจฉริยะ เจ้ากระถางจึงสนใจและกล่าวตอบว่า “ ด้วยท่านเทพธิดาหมิงและพี่มู่เฉาไม่ได้เข้าร่วม ใครกันจะได้เป็นอันดับต้นๆ ถ้าไม่ใช่นักเทพปรุงยาผมขาวและศิษย์พี่โจ ? ”
เขารู้ความสามารถของตัวเองดีและยังห่างไกลเมื่อเทียบกับเทพนักปรุงยาผมขาวและโจกัวเย้า เพราะดังนั้นเขาจึงหวังไว้เพียงที่สามเท่านั้น
“ ท่านเจ้ากระุางมีความสามารถที่จะชิงที่สามในการชุมนุมครั้งนี้” นักปรุงยารีบกล่าวชม “การแข่งขันของท่านอาจจะทำให้สถานแข่งนี้น่าสนใจขึ้น”
อารมณ์ของเจ้ากระถางรู้สึกฮึกเหิม เขาจ้องกลับไปยังนักปรุงยามือปีศาจและกล่าว “ ทีนี่เต๋าแห่งการปรุงยาของน้องมือปีศาจเป็นอันดับหนึ่ง ข้าเองก็ไม่ได้แข็งแกร่งกว่าเขา”
เมื่อได้ยิน นักปรุงยามือปีศาจก็กล่าวตอบด้วยความภาคภูมิใจ “แต่ท่านเองก็เยี่ยมยอดในเรื่องของการกลั่นและตำหรับยา ในการแข่งขันตามประเพณีข้าคิดว่าท่านน่าจะได้ที่สาม ! ถ้าข้าไม่ได้ฝึกฝนในศิลปะของการรักษามากเกินไป ข้าจะไปถึงสามอันดับแรกได้อย่างง่ายดาย ! ”
แม้ว่าคำกล่าวอาจจะดูภูมิใจและรุนแรงไปบ้าง แต่ก็ทำให้เจ้ากระถางรู้สึกตื่นเต้น นักปรุงยามือปีศาจแม้จะชมตนเองแต่ก็ยังยอมรับในส่วนของตนมากกว่าที่จะมานั่งเปรียบเทียบ
“ไม่ใช่เช่นนั้นหรอก ข้าเองก็เป็นหนึ่งในผู้ชื่นชอบทักษะของน้องมือปีศาจเช่นกัน” เจ้ากระถางตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
นักปรุงยาคนหนึ่งที่ค่อนข้างพูดตรง กล่าวขัดขึ้นมา “ ข้าได้ยินมาว่ามีนักปรุงยาที่เก่งกาจปรากฏขึ้นช่วงหลัง เขาชื่อ หลี่ฉีเย่ ผู้คนต่างกล่าวกันว่า เขาสามารถปรุงยาได้ง่ายดายเหมือนกับคั่วถั่ว ย้อนกลับไปที่หุบเขาแอลป์เขาเอาชนะหวังฟู่เฮาและราชันเพลิงสมุนไพรได้อย่างง่ายดาย ! ”
ใบหน้าของเจ้ากระถางเปลี่ยนหลังจากได้ยินชื่อหลี่ฉีเย่ ในฐานะศิษย์ของนิกายผลึกมณีทะเลเขาจะมีความสุขได้อย่างไร ? ย้อนกลับไปยังภูเขาแอลป์ นิกายเขาสูญเสียผู้เชียวชาญหลายคนแม้แต่เซียนนักปรุงยาก็ไม่เว้น !
“ เขาก็แค่คนไร้ชื่อเสียง ข้าไม่เคยจะได้ยินชื่อนั้นมาก่อนเลย” นักปรุงยารุ่นเยาว์ที่ฉลาดคนหนึ่งเอ่ยทันทีหลังจากเห็นสีหน้าของเเจ้ากระถาง