หลังจากที่ผงยาได้ถูกใช้บนอกของชายหนุ่ม บาดแผลก็สมานตัวกันอย่างรวดเร็วและเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ผงชนิดนี้สมแล้วที่เป็นของมีค่าที่สุดในอาณาจักร
ผิวกายของลูกชายบรรพชนดีขึ้นอย่างเป็นลำดับ ทำให้บรรพชนรู้สึกโล่งใจนัก เขาคุกเข่าลงกับพื้นก่อนจะกล่าวต่อ “ ความสามารถเรื่องยาของนายน้อยเป็นเลิศในโลกใบนี้นัก เต๋าการปรุงยาของท่านไม่มีผู้ใดเทียม การควบคุมไฟของท่านล้วนเป็นเอกลักษณ์ ท่านเป็นผู้ช่วยชีวิตลูกชายของข้า ดังนั้นหากท่านต้องการให้บรรพชนแสนต่ำต้อยเช่นข้าทำอะไรให้ในอนาคต เพียงเอ่ยคำ ”
ช่วงวินาทีนี้ ทุกคนในสวนต่างเงียบงัน คำกล่าวของบรรพชนไม่เพียงแต่เป็นคำพูดเท่านั้น ทุกคนที่มีตาย่อมเห็นถึงความสามารถด้านการรักษาหรือความสามารถในการควบคุมไฟของเขา ความสามารถของเขาพูดได้เลยว่าเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์นัก แม้แต่เจ้ากระถางเองที่ถูกขนานนามว่าเป็นอัจฉริยะ ก็ยังรู้สึกอิจฉาและเกลียดชัง
ยังมีนักปรุงยาบางคนที่อิจฉา เนื่องจากหลี่ฉีเย่เป็นผู้ช่วยชีวิตลูกชายของบรรพชนไว้นั้นหมายความว่า หลี่ฉีเย่ย่อมมีความสัมพันธ์อันดีกับเขา ด้วยตัวบรรพชนเองนั้นเป็นขุนนางที่มีค่าต่อตระกูลจักรพรรดิมากมายนัก นั้นก็เท่ากับหลี่ฉีเย่ยิ่งมีผู้ช่วยเหลือมากขึ้นไปอีก
หลี่ฉีเย่รู้สึกผ่อนคลาย หลังจากรับคำขอบคุณจากบรรพชนเขาเอ่ยอย่างสบายๆ ว่า “ ถ้าท่านบรรพชนต้องขอบคุณใครสักคน ให้ท่านขอบคุณไฉ่เหอเถอะ ”
สำหรับเขาแล้วการได้ผู้ช่วยเหลือหรือได้ผู้สนับสนุนนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เขาช่วยลูกชายของบรรพชนนั้นก็เพราะเป็นคำร้องของ่ายๆ จากหยวนไฉ่เหอเท่านั้น
บรรพชนรีบแสดงความรู้สึกขอบคุณกับหยวนไฉ่เหอ แต่นางไม่ต้องการที่จะรับการขอบคุณที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็แสดงคำขอบคุณแก่นางและก้มศีรษะให้อยู่ดี
จากนั้น หลี่ฉีเย่ก็จ้องไปยังเจ้านักปรุงยารุ่นเยาว์ที่ยังอยู่และกล่าว “ มีแต่พวกคนโง่เท่านั้นที่นั่งบูชาขยะราวกับผู้เชียวชาญ ! กลุ่มของคนโง่ไม่มีคุณสมบัติพอจะมีคุยเรื่องเต๋าแห่งการปรุงยากับข้า ! ”
พวกคนที่เคยดูถูกหลี่ฉีเย่พลันหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา พวกเขาแล้วล้วนแต่เคยชื่นชมนักปรุงยามือปีศาจและคอยซ้ำเติมหลี่ฉีเย่ แต่ดูตอนนี้ นักปรุงยามือปีศาจได้แต่นอนเป็นศพเย็นๆ กลายเป็นหลี่ฉีเย่ที่ช่วยชีวิต ลูกชายของบรรพชนแทน สถานการณ์ตอนนี้เหมือนพวกเขาโดนตบหน้า
หลี่ฉีเย่ไม่เคยให้ค่ากับพวกคนที่ดูถูกเขา ที่เขาได้เอาคืนอย่างเบาๆ แล้วนั้นก็เพราะว่า หยวนไฉ่เหออยู่ที่นี้ด้วย ทำให้เขาอารมณ์ดีมากเป็นพิเศษ ไม่เช่นนั้นเขาจะตบพวกสุนัขเหล่านี้ให้หมด
หลังจากช่วยชีวิตลูกชายของบรรพชนหลี่ฉีเย่ไม่ได้อยากจะพักอยู่ที่นี้ต่อ และปฏิเสธคำเชิญชวนอันหนักแน่นของ บรรพชนหลังจากออกมาแล้วเขาก็เลยยิ้มและกล่าวต่อ “ ข้าแปลกใจนักที่เห็นเจ้ามาที่เมืองปรุงยา”
นายหญิงที่อยู่ใกล้ๆนั้นสั่นไหว หยวนไฉ่เหอมีอิทธิพลต่อนายน้อยของนางอย่างมาก อารมณ์ของเขาที่ปกติแล้วอ่านไม่ได้เลย แต่ตอนนี้เขาก็อารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัด เพียงแค่นางอยู่ตรงนี้เท่านั้น
นางต้องยอมรับว่าหญิงสาวที่อ่อนโยนและดูงามสง่าอย่างหยวนไฉ่เหอย่อมเป็นที่รัก แม้จะไม่สวยไม่เท่ากับหมิงเย่เสวีย แต่เป็นหญิงสาวที่ให้ความสบายใจและความรู้สึกเป็นธรรมชาติสำหรับใครต่อใคร เมื่ออยู่กับนาง ทุกสิ่งก็ดูผ่อนคลายไปหมด
“ รากศักดิ์สิทธิ์ของผุ้อาวุโสนั้นใกล้จะตายแล้ว เขาเชิญท่านอาจารย์มาเพื่อช่วยเหลือ แต่ท่านอาจารย์ของข้ากำลังอยู่ในช่วงสำคัญสำหรับการฝึกตน ทำให้ไม่สามารถหลีกจากมาได้ ข้าไม่มีทางเลือกอื่น ก็เลยต้องมาแทนท่านอาจารย์ ” หยวนไฉ่เหอกล่าวด้วยน้ำเสียงสบายๆ “ เมื่อข้าอยู่ที่นี้แล้ว ข้าจะเอาใจช่วยพี่ใหญ่ การแข่งขันของท่านจะทำให้การชุมนุมครั้งนี้กลายเป็นตำนาน”
“ ข้าก็แค่มาฆ่าเวลาเท่านั้น” หลี่ฉีเย่ยิ้ม “ แต่ถ้าเจ้ากล่าวถึงขนาดเป็นตำนาน เช่นนั้นก็เอาตามนั้น ”
หยวนไฉ่เหอตอบกลับด้วยเสียงหัวเราะคึกคัก นางเชื่อมั่นในตัวของเขา
หลังจากกลับมายังเขาลูกที่หลี่ฉีเย่เลือกเป็นที่พัก เจ้าสัตว์มีพิษก็เพิ่มจำนวนขึ้นมากมายในสวน หยวนไฉ่เหอในฐานะที่เป็นหนึ่งในนักปรุงยาอัจฉริยะ ก็เอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ข้าไม่คิดว่าท่านพี่ใหญ่จะชำนาญเรื่องฝึกฝนสัตว์มีพิษด้วย ! ”
“ ก็แค่งานอดิเรกของข้า” หลี่ฉีเย่ยิ้มอีกครั้ง “โชคดีที่ที่นี่ เป็นเมืองปรุงยา ถึงจะเรียกว่าเมืองก็เถอะแต่ก็อยู่ในดินแดนรกร้าง ยังมีสถานที่ที่เป็นลางร้ายและอันตรายมากมาย ที่เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายเหล่านี้ ไม่ง่ายเคยที่ข้าจะล่อมันให้มารวมกันทีนี่จากสถานที่ที่ต่างกัน ”
“ พี่ใหญ่อยากจะใช้มันกับศัตรู ? ” นางถามพลางดูไปที่สัตว์ร้ายเหล่านั้น
แม้ว่าจะเป็นคนที่จิตใจดีและไม่แข่งขันกับผู้ใด แต่นางก็ยังมีความกระตือรือร้นใฝ่ศึกษา นางรู้ดีกว่าหลี่ฉีเย่ไม่ได้ฝึกสัตว์พวกนี้มาเพื่อดูเล่นเป็นแน่ ดังนั้น จึงมีเพียงแค่เหตุผลเพียงหนึ่งเดียวที่เหลือเท่านั้น ก็คือการต่อกรกับศัตรูที่แข็งแกร่ง
“ ก็แค่เล่นสนุก” หลี่ฉีเย่พูด “ ศัตรูของข้าไม่สำคัญเท่าไหร่ ยิ่งฆ่ามากก็จะยิ่งน่าเบื่อ ข้าอยากจะลองอะไรใหม่ๆ บ้าง ”
หยวนไฉ่เหอก็ได้แต่พยักหน้าเบาๆ พลางเวทนาชะตาของใครก็ตามที่วิ่งเข้าสู่คมหอกอย่างไม่รู้ตัวและจบลงด้วยความตาย
แม้ว่านางจะอยู่กับหลี่ฉีเย่มา แต่หลี่ฉีเย่ก็ใช้เวลากับนางนั้น น้อยเหลือเกิน เขาทำการฝึกตนอยู่ภายในห้อง หรือบางครั้งก็เล่นกับบางอย่างซึ่งที่นายหญิงฉีเหยียนไม่รู้จัก มีแค่หยวนไฉ่เหอเท่านั้นที่มองเขาอย่างสนใจนัก
สองสามวันถัดมา หลี่ฉีเย่ก็ได้ฝึกฝนสัตว์มีพิษเข้ามาเพิ่ม และมุ่งหน้าไปยังดินแดนลึกลับโดยวิธีการบางอย่าง นายหญิงไม่สามารถมองผ่านพวกมันได้
ส่วนใหญ่แล้ววิธีของเขาจะเกี่ยวข้องกับเต๋าของการปรุงยา ด้วยความที่เป็นหนึ่งในสี่แห่งนักปรุงยาอัจฉริยะ หยวนไฉ่เหอก็เริ่มเห็นเบาะแสบางอย่างทำให้เริ่มเข้าใจ “พี่ใหญ่กำลังเตรียมอะไรสักอย่างที่ยิ่งใหญ่ วิชา รวมถึงวิธีการที่ท้าทายสวรรค์เพื่อต่อกรกับศัตรูอย่างอาณาจักร บางคนจากรุ่นเยาว์อาจจะไม่สามารถทนได้แม้แต่การโจมตีเพียงครั้งเดียว”
หลี่ฉีเย่ได้แต่ยิ้มให้นางและไม่ได้ตอบกลับต่อความเห็นของนาง และนางก็ได้หยุดกล่าวต่อเช่นกัน
วันชุมนุมปรุงยาเข้ามาใกล้เต็มที่ คนหนุ่มสาวทั้งหลายจากในโลกก็เริ่มเข้ากันมาในเมืองพร้อมกับ ผู้อาวุโสของนิกาย จากตรงนี้ ในเมืองไม่ได้มีแต่นิกายมากมายเท่านั้น ก็ยังมีผู้เชี่ยวชาญนับไม่ถ้วนด้วย
ท่ามกลางฝูงคนมากมาย ผู้คัดเลือกสองคนที่โดดเด่นก็ปรากฏกายขึ้น
“โจกัวเย้าอยู่ที่นี่ !” เป็นเสียงตะโกนบอกข่าวจากใครสักคน ทำให้เกิดความวุ่นวายภายในอาณาจักรขึ้น หลายต่อหลายคนรวมถึง อัจฉริยะจากรุ่นเยาว์ เข้ามาเพื่อเห็นการมาถึงของเขา หนึ่งในสี่นักปรุงยาอัจฉริยะ
โจกัวเย้ามองไปรอบๆ เขาเป็นชายหนุ่มอายุราวยี่สิบปีสันหน้าค่อนไปทางคมเหลี่ยม แม้ว่ารูปลักษณ์ของเขาจะไม่ได้โดดเด่นแต่กลิ่นอายที่มาจากเขานั้นสมุนไพรอมตะจะปรากฏตัวออกมาเวลาใดก็ได้ เขายืนถือกระถางของเขา แม้ว่ามันจะปิดฝาอยู่ แต่ให้ความรู้สึกว่าสิ่งนี้มีความสามารถเผาได้ทั้งโลก
ในตอนนี้เขาปรากฏตัวราวกับเทพที่ถือกระถาง พร้อมที่แบกเก้าโลกและยอมสีของมันด้วยหญ้าจิตวิญญาณ มันมีบรรยากาศที่พิเศษอย่างมาก
เขามาอย่างโดดเดี่ยวโดยไม่ได้พาใครมาด้วย ไม่มีรถศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน แต่มีสี่รูปปั้นที่อยู่กับเขา ใบหน้าเย็นชาคล้ายน้ำแข็ง ปีศาจเหล่านี้ดูเหมือนจะทำมาจากเหล็กกล้า สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ไม่เคยปรากฏในเมืองมาก่อนพวกเขามีรูปร่างสีดำ ทุกคนจะหวาดกลัวมีเห็นรูปปั้นขนาดใหญ่ทั้งสี่
โจกัวเย้า มาจากรัฐโจ เชื้อสายนักปรุงยาจากนักปรุงยาจักรพรรดิ ที่นี่ได้สร้างนักปรุงยาที่มีชื่อเสียงมาหลายต่อหลายรุ่นและถูกพิจารณาว่าเป็นสายเลือดนักปรุงยาที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกสมุนไพรหิน
แม้ว่าจะไม่รู้เรื่องระดับพลัง เนื่องจากเชื้อสายนักปรุงยาหลายนิกายก็ต้องการที่จะเป็นมิตรต่อเชื้อสายนี้ เพราะสิ่งนี้ พวกรุ่นเยาว์และผู้เชี่ยวชาญจากรุ่นเก่าๆ ออกมาที่เมืองเพื่อทักทายเขาเลยทีเดียว
จริง ๆ แล้ว การที่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นเช่นนี้ไม่ใช่เพียงเพราะเชื้อสายของเขาเท่านั้น ที่สำคัญกว่านั้น ผู้คนมากมายโดยเฉพาะพวกคนหนุ่มต้องการที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีกับ โจกัวเย้า
เหตุผลก็ง่ายๆ ทักษะการปรับแต่งน้ำทิพย์ของเขากล่าวได้ว่าเป็นสุดยอดที่สุดในปัจจุบันนี้ ! น้ำทิพย์สวรรค์เป็นของที่มีค่าที่สุดสำหรับการฝึกตนเพราะมันสามารถเพิ่มระดับการบ่มเพาะของพวกเขาได้
ในโลกใบนี้ผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนล้วนต้องการเพิ่มระดับการบ่มเพาะ พวกเขาต้องการน้ำทิพย์สวรรค์เป็นอย่างมาก
ดังนั้นน้ำทิพย์จากโจกัวเย้าจึงเป็นสมบัติที่ดีที่สุดในใจของผู้ฝึกตน ดังนั้นพวกคนหนุ่มโดยเฉพาะพวกอัจฉริยะผู้ที่ต้องการจะแบกเจตจำนงแห่งสวรรค์และกลายเป็นจักรพรรดิล้วนอยากเป็นมิตรกับเขา
“ ศิษย์พี่เย้า, ท่านจะต้องเหนื่อยจากการเดินทางเป็นแน่ พวกข้าได้เตรียมสำหรับอาหารไว้ให้ท่านแล้ว ” ทั้งลูกหลานจากสายเลือดหลักและองค์หญิงต่างก็ต้อนรับเขา แม้แต่ผู้คุมกฎที่มีพลังมากมายจะยังมา
โจกัวเย้าพยักหน้าของเขาและกล่าวหลังจากเห็นการต้อนรับแล้ว “ถ้าเช่นนั้น ข้าคงต้องขอพึ่งพวกท่านแล้ว”
สิ้นคำ เขาก็กลายเป็นดวงจันทร์ท่ามกลางหมู่ดวงดาว ทันทีที่เขาเหยียบเข้ามาในเมือง โดดเด่นกว่าผู้เข้าชมคนไหนๆ ที่อยู่บนทาง
ผู้เข้าชมตะโกนร้องด้วยความปิติหลังจากที่เห็นเขา “หนึ่งในสี่นักปรุงยาอัจฉริยะมาถึงแล้ว ครั้งนี้ หากโจกัวเย้าไม่ชนะ เทพนักปรุงยาผมขาวคงได้รับชัยชนะเป็นแน่ ! ”