ภายใต้การนำของนายหญิงผู้อาวุโสเมฆาทะยานก็ได้มาถึง แต่เขาไม่ได้มาเพียงคนเดียวเท่านั้น ผู้ที่ตามมาก็คือผู้นำวิหารเมฆขาวที่ค้อมศีรษะลงต่ำ
ผู้อาวุโสมีรูปลักษณ์เป็นชายวัยกลางคนที่มาพร้อมกับบรรยากาศที่สง่างาม ทำให้ผู้คนต่างคิดว่าเขาเกิดมาในสายเลือดของชนชั้นสูง แต่ถึงอย่างนั้นดวงตาของเขายังเต็มไปด้วยความดุร้ายทำให้บุคลิกของเขานั้นยากจะหยั่งถึง
อย่าได้ถูกหลอกด้วยรูปลักษณ์ภายนอกและความสุภาพชนของเขาเป็นอันขาด จริงๆแล้วเขาเป็นปีศาจตะขาบที่ไม่เลือกวิธีการและลงมืออย่างไร้ปราณี
เขาเข้ามาและกุมมือทั้งสองในทันทีต่อหน้าหลี่ฉีเย่ด้วยความสุภาพก่อนจะกล่าว “ ชื่อเสียงของท่านโด่งดังราวกับสายฟ้า ข้าติดตามข่าวสารของท่านมาเป็นเวลานาน ”
แม้ว่าเขาจะดูอายุไม่มากแต่ผุ้อาวุโสก็มีพลังอยู่ระดับราชันเทียบสวรรค์ นอกจากคนตายที่มีชื่อเสียงในยุคเต๋าที่ยุ่งยาก มีเพียงไม่กี่คนจากยุคเดียวกันที่แข็งแกร่ง เหตุนี้ด้วยความแข็งแกร่งของเขาเพียงพอที่จะสร้างนิกายของตนเอง
ตัวเขานั้นก็ได้รับสถานะที่ยิ่งใหญ่ในโลกสมุนไพรหิน แต่ตำแหน่งของเขานั้นก็เติบโตขึ้นหลังจากเข้าร่วมกับเย่ฉิงเฉิน ทุก ๆ คนก็ทราบเลยว่าหากเย่ฉิงเฉินได้เป็นจักรพรรดิอมตะในอนาคต ผู้อาวุโสก็คงจะเป็นผู้ก่อตั้งและบางทีอาจจะได้รับฉายาผู้ที่มีส่วนร่วมมากที่สุดเลยก็ว่าได้ !
ในโลกสมุนไพรหิน นิกายและสายเลือดจักรพรรดิมากมายต่างก็ปฏิบัติกับผู้อาวุโสเมฆาทะยานเป็นอย่างดี ถ้าหากเขาไม่ได้มีค่ากับย่ฉงเฉินแล้ว พลังของเขาที่เป็นราชันเทียบสวรรค์อย่างเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้เขาได้รับความเคารพจากคนอื่น
แต่อย่างไร ไม่ต้องพูดถึง ราชันเทียบสวรรค์ แม้แต่ตัวตนนิรันดร์หรือตัวตนในตำนานาก็คงไม่สามารถทำให้หลี่ฉีเย่สั่นไหวได้ “ นั่งสิ ” เขากล่าว
ในขณะที่ผู้อาวุโสนั่งลงที่เก้าอี้ ผู้นำเมฆขาวรีบบึ่งตรงเข้ามาและคุกเข่าลงกับพื้นโดยที่ศีรษะของเขาไม่แม้แต่เงยขึ้นด้วยซ้ำ
หลี่ฉีเย่มองไปยัง ผู้ที่คุกเข่าและถามผู้อาวุโสเมฆาทะยาน “ นี้มันหมายความว่าอย่างไรกัน ? ”
ผู้อาวุโสเมฆาทะยานตอบอย่างใจเย็น “ ผู้นำวิหารเมฆขาวมาที่นี่ก็เพื่อขอโทษท่าน นายน้อย เขาไม่ทันได้คิดและได้ใช้ชื่อของนายน้อยเย่เพื่อทำตามใจของคน ทำให้ชื่อเสียงของนายน้อยของเราเสื่อมเสีย ดังนั้น เขาถึงมาที่นี่เพื่อขอรับการอภัย นายน้อยหลี่สามารถจัดการเขาได้ตามที่ท่านต้องการ ”
ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นความคิดของ เย่ฉงเฉินหรือของ ผู้อาวุโสเมฆาทะยานก็ดูน่าเกรงขามนัก ผู้นำเมฆขาวเป็นผู้นำของนิกาย แม้จะไกลจากเชื้อสายจักรพรรดิไปบ้าง แต่ก็เป็นนิกายลำดับหนึ่ง แม้ว่านิกายจะไม่ค่อยมีกฎเกณฑ์ การที่เขายอมโค้งต่อหลี่ฉีเย่ก็ยังน่าเหลือเชื่อ
การคุกเข่าให้ใครสักคนนั้นเป็นเรื่องเสื่อมเกียรติของผู้ฝึกตนอย่างมาก ด้วยคำกล่าวที่ว่าฆ่าได้แต่หยามไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นเย่ฉงเฉินหรือผู้อาวุโสเมฆาทะยาน ก็สามารถทำให้ผู้นำเมฆขาวยอมรับสารภาพได้ - ช่างน่ากลัวอย่างแท้จริง
หลี่ฉีเย่ขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจ เขาจึงตอบไปว่า “ บางทีการเล่นของท่านอาจจะไม่แย่นัก นี้ค่อนข้างน่าประทับใจทีเดียว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้านายของเจ้า เย่ฉิงเฉินถึงให้การสนับสนุนจากผู้อื่นมากนัก ”
“ นายน้อยหลี่ ท่านเข้าใจพวกเราผิดไปแล้ว เรามาที่นี่ก็เพื่อขอร้องให้ท่านให้อภัยอย่างแท้จริง ” ผู้อาวุโสเมฆาทะยานกล่าวอย่างเร่งรีบ “ เจ้านายของเราอยากจะผูกมิตรกับผู้แข็งแกร่งในโลกนี้และทำงานด้วยกัน...”
“ เอาละ ข้าไม่มีเวลาจะมาฟังเรื่องไร้สาระ แล้วก็ไม่สนใจที่จะสนใจการแสดงนี้ด้วย หากเจ้าต้องการจะขอโทษ ก็ให้เย่ฉิงเฉินมาด้วยตัวเอง สำหรับคนอย่างผู้นำเมฆขาว ให้เขาไสหัวออกไปอย่ามาทำให้ข้าเสียเวลา ! ” หลี่ฉีเย่ตัดบท ผู้อาวุโส และสะบัดชายแขนเสื้อของเขาอย่างไม่ใส่ใจนัก
การแสดงเช่นนี้อาจจะทำให้ผู้อื่นประทับใจ แต่เป็นเพียงเรื่องตลกสำหรับหลี่ฉีเย่ การเล่นละครปวดประสาทระดับนี้เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในสมัยที่เขายืนอยู่เหนือเก้าชั้นฟ้า
ผู้อาวุโสเมฆาทะยานชะงักไปชั่วครู่ แต่ก็รีบคืนสติโดยไวก่อนจะสั่งผู้นำเมฆขาว “ ผู้นำนิกาย นายน้อยหลีใจดีและให้อภัยแก่ท่านแล้ว จงขอบคุณเขาซะ”
ผู้นำเมฆขาวไม่กล้ายิ่งยโสก่อนจะโค้งศีรษะลงให้แก่หลี่ฉีเย่สามครั้ง จากนั้นก็จากไปอย่างเงียบๆ ตั้งแต่มาถึงจนจากไป ยังไม่ได้กล่าวอะไรสักคำ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เห็นความสามารถอันสุดยอดของทั้งเย่ฉิงเฉินและผู้อาวุโส
หลี่ฉีเย่เอ่ยอย่างไม่รักษาน้ำใจนักด้วยเสียงเย็นชา “ เอาล่ะ การเล่นจบลงแล้ว ข้าไม่มีเวลาให้ท่าน เพราะฉะนั้นกลับไป ”
ผุ้อาวุโสรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ ข้าได้ยินมาว่าท่านนายน้อยหลี่จะเข้าร่วมการชุมนุมครั้งนี้ เพราะงั้นนอกจากนำผุ้นำเมฆขาวมาขอโทษแล้ว ตัวข้ามีอย่างอื่นที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ”
“ และ ? ” หลี่ฉีเย่พูดอย่างขี้เกียจและมองไปยังผู้อาวุโส
ผู้อาวุโสตอบออกมาอย่างให้เกียรติมาก “ แม้ว่า ข้าจะไม่เคยได้เคยเห็นฝีมือการกลั่นน้ำทิพย์ของนายน้อยหลี่กับตาของข้าเอง แต่ได้ยินมาว่าท่านทำได้ง่ายได้เหมือนกับการปรุงอาหาร ข้าเชื่อว่าเต๋าแห่งการปรุงยาของท่านจะต้องเฉิดฉายในการชุมนุมครั้งนี้เป็นแน่”
“ แล้วไงต่อ ?” ในครั้งนี้ หลี่ฉีเย่หัวเราะออกมาเล็กน้อย
ผู้อาวุโสกล่าวต่อ “ อัจฉริยะมากมายจะรวมตัวกันที่การชุมนุมในครั้งนี้ จะเป็นเหตุการณ์ที่ค่อนข้างใหญ่ ข้ากลัวว่าจะไม่มีใครจะสูสีกับนายน้อยนอกจากนักปรุงยาอัจฉริยะทั้งสี่เท่านั้น”
หลี่ฉีเย่ยกคิ้วของเขาและเอ่ย “ หยุดอ้อมค้อม ความอดทนข้าจำกัด ”
ผู้อาวุโสไม่ได้โกรธหรือโมโหแต่อย่างใดก่อนจะกล่าว “ คู่แข่งที่ยิ่งใหญ่ของท่านจะเป็นโจกัวเย้าและเทพนักปรุงยาผมขาว มีข่าวลือมาว่าทั้งคู่ต่างก็เป็นนักปรุงยาในตำนานด้วยหเต๋าแห่งการปรุงยาที่ยอดเยี่ยม...”
“...เจ้นายของข้ามั่นใจในเต๋าแห่งกาปรุงยาของนายน้อยหลี่เป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามทั้งสองก็โชคดีพอที่จะมาจากสายเลือดนักปรุงยาจักรพรรดิ นายท่านของข้าสามารถให้นายน้อยยืมมือ เพื่อให้นายน้อยชนะการแข่งในครั้งนี้” ผู้อาวุโสเอ่ยอย่างเนิบนาบ คำพูดของเขาจูงใจและล่อลวงมากยิ่งนัก
หลี่ฉีเย่หยุดหัวเราะไม่ได้จากนั้นก็กล่าวว่า “โอ้ ? แล้วเย่ฉิงเฉินอยากจะช่วยข้ายังไง ? ”
ผุ้อาวุโสกล่าวต่อ “ เต๋าแห่งการปรุงยาของนายน้อยหลี่ไม่มีผู้ใดเทียมได้ นายท่านของข้าจึงไม่สามารถที่จะช่วยในเรื่องนั้นได้ แต่นายท่านนั้นยังมีกระถางที่ได้รับมาจากนักปรุงยาจักรพรรดิ กระถางนี้ถูกใช้โดยนักปรุงยาจักรพรรดิมาทั้งชีวิตของเขา อ่อนโยนและใช้ได้อย่างง่ายได้ เนื่องจากนายท่านของข้าไม่ใช่นักปรุงยาและไม่สนใจในเต๋าแห่งการปรุงยา เขาจึงอยากที่จะมอบกระถางให้กับท่านนายน้อยหลี่อถ้าท่านต้องการ”
“ มีคำกล่าวว่าดาบนั้นเหมาะจากผู้กล้าและชาดทาปากสำหรับสาวงาม มีเพียงนายน้อยหลี่เท่านั้นที่จะเหมาะสมที่จะได้รับกระถางจากนักปรุงยาจักรพรรดิ ” ผุ้อาวุโสกล่าวอยากใจเย็น ไม่ว่าใครจะต้องถูกลวงด้วยข้อเสนออันยั่วใจนี้
หลี่ฉีเย่ฉีกยิ้มและสอบถาม “ เงื่อนไขของนายท่านท่านละ ? ”
ผู้อาวุโสได้แต่ส่ายหน้าและกล่าว “ ท่านนายน้อยหลีเข้าใจผิดไปแล้ว การมีเงื่อนไขกับคนเก่งอย่างนายน้อยหลี่จะดูรุนแรงเกินไป นายท่านของข้าต้องการผูกมิตรกับท่านเท่านั้น ถ้านายน้อยหลีจะอยากผูกมิตรไว้บ้าง เช่นนั้นก็ได้โปรดมาเป็นแขกของอาณาจักรเขตแดนหิน เจ้านายของข้าจะตอนรับนายน้อยหลี่อย่างดี ”
ถ้านักปรุงยาคนใดมาได้ยินคำนี้เข้าจะต้องยินดีมากเป็นแน่ ในโลกสมุนไพรหินนี้ นักปรุงยามากมายอยากจะผูกมิตรกับเย่ฉิงเฉิน การเป็นมิตรกับผู้มีชื่อเสียงเช่นนี้ย่อมเป็นเกียรติอันสูงสุด
แต่ในตอนนี้ เย่ฉงเฉินต้องการจะยกกระถางระดับนี้ให้กับหลี่ฉีเย่และผูกมิตรกับเขา เป็นอะไรที่มากกว่านักปรุงยาคนใดจะวาดฝันไว้
หลี่ฉีเย่มองไปยังผู้อาวุโสอมยิ้มก่อนจะกล่าว “ ข้าเองก็เป็นคนนึง ที่อยากจะผูกสัมพันธ์เช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามการผู้สัมพันธ์ไม่ใช่เพียงแต่คำพูดเท่านั้น ถ้าเขาอยากเป็นเพื่อนกับข้า ให้เขามาด้วยตัวของเขาเอง สำหรับเรื่องกระถาง ข้าไม่สนใจ ถึงจะไม่มีมัน ข้าก็จะเป็นอันดับหนึ่งอย่างแน่นอน ! ”
ผุ้อาวุโส รีบกล่าว “ เป็นเรื่องที่เยี่ยมยอด ที่ท่านนายน้อยหลี่มีความมั่นใจมากเช่นนี้..”
หลี่ฉีเย่สะบัดแขนเสื้ออย่างเหนื่อยอ่อนและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “โปรดไปซะ ข้าเหนื่อยแล้ว”
ผุ้อาวุโส เป็นคนมีเหตุผล เขาไม่ได้โกรธเคืองแต่กลับยิ้ม “ได้โปรดพักผ่อนให้สบาย แล้วข้าจะมาใหม่วันหลัง ”
หลังจากส่งผู้อาวุโสกลับไป นายหญิงก็ถามอย่างอ่อนโยน “ นายน้อย ท่านว่าผู้อาวุโสมาที่นี่ทำไมกัน ?”
“ ก็แค่เพียงพังพอน อยากจะส่งไก่มาทักทายการพบกัน ไม่ได้มีเจตนาดีอะไร” หลี่ฉีเย่ตอบด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย
นายหญิงกล่าวต่อ “ เ่ยฉิงเฉินต้องการได้ท่านไปเป็นพวก เขารู้วิธีเข้าถึงคนที่มาความสามารถ ข่าวลือว่าเขามีผู้เชียวชาญจากผู้เชียวชาญเข้าร่วม ”
หลี่ฉีเย่ยิ้มและกล่าวตอบ “ ฉีเหยียนของข้า ถ้าข้าเป็นเขาและมีความทะเยอทะยานที่จะเป็นจักรพรรดิอมตะ ข้าเองก็คงใช้ความสามารถในการหาพวกนักปรุงยาที่ยากจะเข้าถึง ลองคิดดูสิ ถ้าเจ้าต้องการเป็นจักรพรรดิอมตะ ลองจินตนาการถึงหนทางว่าจะยากลำบากเพียงใด ไม่มีสิ่งใดจะดีไปกว่าการมีพวกคนแข็งแกร่งมากมายมาคุ้มครอง โดยเฉพาะพวกคนแก่ใกล้ตาย พวกคนที่สามารถทำลายอุปสรรคต่อการขึ้นครองบัลลังค์ให้เขาได้”
“ เพราะงั้น เย่ฉิงเฉินจึงต้องการนักปรุงยา” นายหญิงไม่ใช่คนโง่ เธอเข้าใจภายในแทบจะทันที
หลี่ฉีเย่พยักหน้าและกล่าวตอบ “ใช่ มีนักปรุงยาไม่มากที่สามารถปรุงสมุนไพรชีวิตได้ แล้วตาแก่กี่คนต่อกี่คนที่จะหลงเข้าสู่แรงดึงดูดของเขาและยอมทำงานให้ ? ถ้าหากนักปรุงยาที่ยากจะเข้าถึงไม่มีปูมหลังหรือผู้สนับสนุน ทุกคนจะเข้ากับเย่ฉิงเฉิน บางทีเต๋านักปรุงยาของพวกเขาจะกลายเป็นทรัพย์สินของเย่ฉิงเฉิน...”
นายหญิงช่วยไม่ได้ที่จะพึมพำกับตัวเอง “ เป็นการลงทุนที่ช่างคุ้มค่าจริงๆ...”