ตอนที่ 741 แผนของผู้อาวุโสเมฆาทะยาน

ภายในศาลาศักดิ์สิทธิ์เมืองของนักปรุงยา จะเห็นเทพนักปรุงยาผมขาวนั่งอยู่ที่เก้าอี้ลวดลายวิจิตร ในยามนี้ร่างของนักปรุงยามือปีศาจได้ถูกขนย้ายไปที่ใจกลางของห้องโถงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นักปรุงยาผู้นั้นที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ได้แผ่บรรยากาศที่ชวนให้รู้สึกอึดอัดประหนึ่งว่าตนนั้นเป็นราชันเทพที่ยืนอยู่เหนือโลกทั้งเก้าด้วยความหยิ่งยโสอย่างไรอย่างนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งแล้วเมื่อเจ้าตัวที่กำลังสวมเสื้อคลุมสีขาวตัดกับผมสีดำนั้น — นับเป็นตัวตนที่โดดเด่นอยู่เหนือคนทั้งปวงอย่างแท้จริง

ท่าทางหยิ่งยโสที่แสดงออกมานั้นไม่ได้เกิดขึ้นอย่างไร้ที่มาที่ไป มันก่อตัวขึ้นมาจากความเชื่อมั่นในตนเองที่หยั่งรากลึกโดยแท้ !

ชายนักปรุงยาลุกขึ้นมาจากเก้าอี้แล้วมองไปยังร่างของนักปรุงยามือปีศาจ จากนั้นจึงปรายตามองไปยังเหล่าผู้ฝึกตนที่อยู่เบื้องหน้าก่อนจะเอ่ยเสียงออกมา “ เกิดเรื่องอะไรขึ้น ? ”

“เรียนนายท่าน เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะไอ้มนุษย์สารเลวที่ชื่อว่าหลี่ฉี่เย่ล้วน ๆ” ผู้ฝึกตนผู้หนึ่งกล่าวรายงานออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วจึงเสริมต่อว่า “ หลี่ฉี่เย่จงใจวางกลอุบายขึ้นมากำจัดศิษย์พี่มือปีศาจ เพื่อที่ว่าท่านมือปีศาจจะได้ตายตกด้วยพิษอย่างทุกข์ทรมาน ”

หลังจากนั้น ผู้ฝึกตนก็เริ่มใส่สีรายงานเรื่องราวทั้งหมดที่คฤหาสน์ของบรรพชนในฐานะผู้ที่กำลังเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ จริงบ้างเท็จบ้าง แน่นอนว่าเรื่องทั้งหมดได้โบ้ยความผิดไปที่หลี่ฉีเย่ ศิษย์ผู้ติดตามได้เล่าถึงวิธีการที่หลี่ฉีเย่ใช้หลอกลวงนักปรุงยา กลลวงที่ใช้เบี่ยงเบนความสนใจ ไปจนถึงการถูกสังหารด้วยพิษ

สรุปง่าย ๆ สั้น ๆ เลยก็คือการตายของนักปรุงยามือปีศาจนั้นนับเป็นความผิดของหลี่ฉีเย่ หากไม่ใช่เพราะหลี่ฉีเย่ใช้เล่ห์กลเบี่ยงเบนแล้วล่ะก็ ท่านคงจะไม่ได้พบกับจุดจบเช่นนี้

“หลี่ฉีเย่!” หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด แววตาของนักปรุงยาผู้นี้ก็มีประกายอำมหิต ทว่ายังคงซึ่งท่าทีหยิ่งยโสเอาไว้ไม่ผลีผลาม รับสั่งออกมาอย่างเย็นชา “ไปบอกหลี่ฉีเย่ว่าข้าต้องการคำอธิบาย มิเช่นนั้นแล้วก็จงรอรับผลที่ตามมาอย่างทุกข์ทรมานได้เลย ! ”

“ ขอรับ!” ศิษย์ผู้นั้นขานรับด้วยความยินดีจนแทบคลั่ง จนถึงตอนนี้ตระกูลไป่หลานของพวกเขาได้รับความเคารพนับถือจากตระกูลย่อยมาโดยตลอด โดดยเฉพาะเมื่อนายท่าน เทพนักปรุงยาผมขาว สามารถปรุงสมุนไพรชีวิตได้อย่างไร้ที่ติ ตระกูลของพวกเขาก็ได้รับเกียรติยศและชื่อเสียงอย่างท่วมท้น แม้แต่ระดับผู้นำตระกูลก็ยังต้องไว้หน้า!

บอกได้เลยว่าพวกเขาสามารถกระทำทุกสิ่งได้ตามต้องการตราบใดที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ อย่างเช่นคราวนี้ พวกเขาจะต้องจัดการกับหลี่ฉีเย่อย่างแน่นอน!

***
หลังจากเดินทางเข้าสู่เขตนักปรุงยา โจกัวเย้ายังไม่ได้ไปโถงหลักที่อาณาจักรเปิดรับผู้เข้าร่วมแข่งขัน ชนชั้นสูงผู้อำนาจของอาณาจักรจะพักอยู่ที่คฤหาสน์เงียบ ๆ ที่ได้จัดเตรียมเอาไว้

ยังไม่ทันล่วงเลยเข้าสู่วันที่สองหลังจากที่เขาพักที่นี่ โจกัวเย้าก็มีแขกมาขอเข้าพบ อันที่จริงตัวเขาก็มีแขกไปมาหาสู่อยู่เป็นประจำถึงขั้นที่ว่าตัวคฤหาสน์ของเขาได้กลายมาเป็นสถานที่ชุมนุมขนาดย่อมเลยทีเดียว ทว่ายามนี้หากเป็นแขกทั่ว ๆ ไปเขาจะสั่งให้คนปฏิเสธการเข้าพบตั้งแต่หน้าประตู จะยังไงก็ตามแขกผู้นี้ออกจะพิเศษอยู่นิดหน่อย เขาจึงต้องออกไปพบหน้าด้วยตัวเอง

“ ผู้อาวุโสเมฆาทะยานหากท่านมาที่นี่เพื่อที่จะเกลี้ยงกล่อมข้าล่ะก็ ท่านกลับไปซะเถอะ” โจกัวเย้ากล่าวออกมาหลังจากที่เห็นหน้าของผู้อาวุโส ก่อนจะกล่าวต่ออย่างไร้อารมณ์ “ คนอื่น ๆ อาจจะยอมทำงานให้กับข้าเพราะข้าเป็นเจ้ารัฐโจก็จริง แต่โปรดจดจำเอาไว้ว่าพวกเราจะไม่ยอมทำงานอยู่ภายใต้ใครทั้งสิ้น หากว่านายน้อยเย่ต้องการจะคบหาข้าเป็นสหาย ข้าย่อมยินดีจะมีสหายเช่นเขา แต่หากเขาต้องการจะให้ข้าปรุงยาให้เขาล่ะก็ ข้าคงจะต้องขอปฏิเสธ ตัวข้าไม่ใช่นักปรุงยาของผู้ใดทั้งสิ้น ! ”

มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่กล้าเมินเฉยต่อความต้องการของเย่ฉิงเฉิน แต่โจกัวเย้ามีอำนาจมากพอที่จะทำเช่นนั้น

“ ท่านโจนับว่ามีอารมณ์ขันแล้ว” ผู้อาวุโสกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ นายน้อยของเราถือเป็นสหายของท่านอย่างแน่นอน สถานะนี้เป็นเกียรติของนายน้อยจริง ๆ ที่มีสหายเช่นท่าน”

“ แน่นอนอยู่แล้ว ” ยามนี้สีหน้าของโจกัวเย้าผ่อนคลายลงมา จากนั้นจึงกล่าวว่า “ถึงเย่ฉิงเฉินต้องการอำนาจที่จะสั่งการโลกทั้งใบ ข้าก็จะไม่ขอมีส่วนร่วมโดยเด็ดขาด มิตรเพียงระหว่างกันนับว่าเพียงพอ ข้าสามารถปรุงยาให้เขาได้ชุดหนึ่งหรือสองชุดในบางโอกาส แต่หากต้องการจะให้ข้าเป็นนักปรุงยาส่วนตัวของเขาล่ะก็ ข้าขอปฏิเสธ !”

ผู้อาวุโสยิ้มรับ “ ท่านโจเข้าใจผิดแล้ว นายน้อยของเราต้องการจะมีความสัมพันธ์แบบเท่าเทียมกันกับท่านโจ หากวันหนึ่งนายน้อยของเราได้ก้าวเป็นจักรพรรดิอมตะ ท่านโจก็จะเป็นเสมือนบรรพชนที่ยืนเคียงข้างกันกับนายน้อย มีแค่ท่านโจเท่านั้นที่คู่ควรจะยืนหยัดเคียงข้างนายน้อยของเราอยู่บนจุดสูงสุดก้มมองดูโลกทั้งเก้า ”

ผู้อาวุโสนับว่ามีความสามารถในการกล่าวคำหวานหูออกมาอย่างลื่นไหลไม่มีติดขัด มีใครบ้างเล่าจะไม่อยากรับฟังคำสรรเสริญยกยอเช่นนี้?

หลังจากได้ยินถ้อยคำประจบสอพลอ อารมณ์ของโจกัวเย้าก็ดีขึ้นมาก เขายิ้มและกล่าวออกมา “ หากผู้อาวุโสเมฆาทะยานไม่ได้มาที่นี่เพื่อที่จะเกลี้ยกล่อมข้าล่ะก็... อย่าบอกนะว่าท่านต้องการจะแวะมาเยี่ยมเยียนข้าเฉย ๆ ? ตัวท่านไม่เคยมาเยี่ยมเยียนที่นี่โดยไม่มีจุดมุ่งหมายมาก่อน ”

โจกัวเย้ารู้สึกลำพองใจเป็นอย่างมาก หากเป็นคนทั่วไปคงไม่อาจสนทนากับเขาได้เช่นนี้ ทว่าผู้อาวุโสท่านนี้จัดเป็นคนมีวาทศิลป์สามารถทำให้คนอย่างโจกัวเย้าอารมณ์ดีได้ในพริบตา

“ ท่านโจพูดอย่างนี้ก็ไม่ถูกนา ตัวข้าน่ะอยากจะมาเยือนที่รัฐโจของท่านเช่นนี้มานานแล้ว ที่นั้นพลังงานโลกและสมุนไพรจิตวิญญาณจำนวนมาก — ใครที่ไหนบ้างเล่าจะไม่อยากอยู่ในรัฐที่ยอมเยี่ยมเช่นนี้ ? ท่านโจอาจไม่เคยทราบมาก่อนว่าตัวข้าน่ะทำงานให้กับนายน้อยแบบหามรุ่งหามค่ำ เดินทางไปทำธุระโน่นนี่ให้นายน้อยมานักต่อนักในแต่ละวัน ขาทั้งสองข้างของข้าแทบจะหักลงเพราะการเดินทางไปมาจากเหนือจรดใต้” ผู้อาวุโสกล่าวอุทธรณ์เรื่องราวของตัวเองออกมาอย่างคับข้องใจ

ทันใดนั้นเองสายสัมพันธ์ของเขากับโจกัวเย้าก็แน่นแฟ้นขึ้นมาจากการสนทนาแบบเรื่อยเปื่อย

โจกัวเย้ากล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ ผู้อาวุโสเมฆาทะยานอย่าได้หยอกข้าเล่นเลย หากตัวท่านมีเหตุผลสำคัญในการพบปะครั้งนี้ก็พูดมาเถอะ ”

ได้ยินดังนั้นผู้อาวุโสก็ถือโอกาสกล่าวคำออกมาอย่างรวดเร็ว “ท่านโจ ข้ามาเยี่ยมเยียนท่านในครั้งนี้ที่จริงก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรนอกเหนือไปจากเรื่องการชุมนุมของเหล่านักปรุงยานั่นแหละ”

“การชุมนุมของนักปรุงยา ? ข้าไม่เห็นว่าเรื่องนี้จะมีอะไรน่าสนใจเลยสักนิด” โจกัวเย้ากล่าวออกมาด้วยความมั่นอกมั่นใจ “นอกจากเจ้าเด็กหัวขาวนั่น ข้าก็ไม่เห็นว่าจะมีเรื่องอะไรให้สนใจ มีเพียงเขาเท่านั้นที่มีคุณสมบัติสู้กับข้า ! ”

ผู้อาวุโสเห็นทีก็รีบวกเข้าเรื่องอย่างรวดเร็ว “ ท่านโจอย่าได้ประมาทไป ตอนนี้มีคนผู้หนึ่งที่ท่านไม่ควรมองข้า เจ้านั่นน่ะต้องเป็นคู่แข่งที่มีทักษะอยู่พอตัวแน่นอน ”

“จะเป็นใครไปได้ ?” โจกัวเย้าพูดต่อ “ ข้าล่ะอยากเห็นหน้าคนที่จะสามารถคุกคามคนอย่างข้าได้จริง ๆ ”

“หลี่ฉีเย่ นักปรุงยาของประเทศไผ่ยักษ์ เขาจะเป็นภัยคุกคามของนายน้อยโจอย่างแน่นอน ” ผู้อาวุโสกล่าว

โจกัวเย้ารับฟังอย่างไม่ถือเป็นจริงเป็นจังนัก “ใช่หลี่ฉีเย่คนนั้นที่สามารถปรุงยาได้ยาวกับคั่วถั่วนั้รึ ? เหอะ นั่นมันก็แค่ข่าวลือเชื่อถือไม่ได้เท่านั้นแหละน่า ปรุงยาราวกับคั่วถั่ว ? มีแค่นักปรุงยาจักรพรรดิเท่านั้นแหละที่จะสามารถทำอย่างนั้นได้ แม้แต่นักปรุงยาในตำนานเองก็ไม่ได้มีความสามารถทำถึงขั้นนั้น !”

ผู้อาวุโสพูดต่อ “ ท่านโจควรจะเชื่อถือข่าวนี้นะ ตัวข้าเองก็ได้วิเคราะห์ช้อมูลมาจากหลายแหล่ง และหลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว ตัวข้ามีความรู้สึกว่าข่าวลือที่ว่านี้มีความเป็นไปได้สูงว่าเป็นเรื่องจริง นอกจากนี้สัญชาตญาณของข้าแม่นมาก ”

“ได้ข้าจะฟังเอาไว้” โจกัวเย้าสังเกตเห็นสีหน้าจริงจังของผู้อาวุโสเช่นนั้นจึงเริ่มถือเรื่องนี้เป็นจริงเป็นจังด้วยเช่นกัน

ผู้อาวุโสกล่าวต่อด้วยทีท่าเป็นจริงเป็นจัง “ท่านโจ ท่านลองเก็บเรื่องนี้ไปคิดดู สมมตินะว่าถ้าหลี่ฉีเย่คนนี้ไม่มีประวัติหรือที่มา เป็นแค่นักปรุงยาธรรมดาไม่มีชาติตระกูล ถ้าหากคน ๆ นั้นสามารถพัฒนามาได้ถึงขั้นนี้ล่ะก็... เอาล่ะ ข้าว่าข้าเลิกพูดเรื่องนี้ดีกว่า หากข้าพูดต่อมันก็เหมือนจะดูเหมือนว่าข้ากล่าวอะไรเกินจริงไป หลาย ๆ คนล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทักษะการกลั่นน้ำทิพย์ของเขาสุดยอด นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นถึงฝีมือของเขา ”

“ การกลั่นน้ำทิพย์ราวกับคั่วภั่วเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ แต่หากหลี่ฉีเย่คนนี้เป็นอย่างที่ท่านพูดมาข้าเองก็อยากเจอเช่นกัน” โจกัวเย้าอดความอยากรู้อยากเห็นไว้ไม่ได้หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวจากผู้อาวุโส

ผู้อาวุโสกล่าว “ เกรงว่าจะต้องทำให้ท่านผิดหวัง จากการวิเคราะห์และไตร่ตรองดูของข้า รวมไปถึงการคาดเดา ข้าคิดว่าหลี่ฉีเย่ผู้นั้นจะต้องได้ครองครองมรดกที่ยอดเยี่ยมของนักปรุงยาจักรพรรดิในตำนานอย่างแน่นอน เขามีประสบการณ์ในการกลั่นน้ำทิพย์พรสวรรค์ , สมุนไพรชีวิตและโอสถกายาที่เก่งกาจ ! นักปรุงยายากมากที่จะมาถึงระดับนี้ได้ ! แต่ถ้าหากว่าเขาครอบครองมรดกของนักปรุงยาจักรพรรรดิมันจะเป็นอีกเรื่อง”

มาถึงจุดนี้ ผู้อาวุโสได้ปรับสีหน้าเป็นจริงเป็นจังจนถึงที่สุดไม่มีแววหยอกล้อเลยแม้แต่น้อย “ ข้ามีความคิดที่ออกจะเกินเลยไปบ้าง แต่บางทีหลี่ฉีเย่คนนั้นอาจจะได้รับมรดกของเทพโอสถในตำนาน !”

“ มรดกของเทพโอสถในตำนาน ? ” โจกัวเย้าส่ายหัวแล้วจึงพูด “ นั่นมันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน มรดกของเทพโอสถในตำนานนั้นได้สูญหายจากโลกไปแล้วกว่าล้านปี มีคนนับไม่ถ้วนพยายามตามหามันแต่ยังไม่มีใครพบ ! สำหรับมรดกตกทอดของนักปรุงยาจักรพรรรดิ... ก็คงไม่ต่างกันเท่าใดนัก”

“ เหตุใดท่านโจจึงกล่าวเช่นนั้น ?” ผู้อาวุโสกล่าวถาม

โจกัวเย้าตอบ “ถ้ าหากสมมติว่าหลี่ฉีเย่ครอบครองมรดกตกทอดจากนักปรุงยาจักรพรรดิจริงอย่างที่ท่านกล่าวมาล่ะก็ ข้าควรจะบอกเรื่องนี้ให้ท่านได้รับรู้ รัฐโจของเราได้รับมรดกตกทอดมากมายจากนักปรุงจักรพรรดิที่ยอดเยี่ยมที่สุด ดังนั้นหากมีคนพบพวกมัน ไม่มีทางที่รดอดพ้นจากสายตาเรา ”

“ มันอาจจะไม่เป็นแบบนั้น” ผู้อาสุโสลอบกล่าวออกมา “ หลายปีผ่านมา ใครจะรู้ว่ามรดกของนักปรุงยาจักรพรรดินั้นมีอยู่เท่าไหร่ มันยังมีนักปรุงาจักรพรรดิจำนวนมากตั้งแต่ยุคเริ่มต้นแห่งเวลา วางทีหลี่ฉีเย่อาจจะโชคดีและรับมรดกของหนึ่งในพวกเขา ”

“ ถ้าหากว่าหลี่ฉีเย่ผู้นี้มีทักษะยอดเยี่ยมเช่นนั้นจริงอย่างที่ผู้อาวุโสเมฆาทะยานได้กล่าวมา บางทีเขาอาจจะโชคดีมากจนได้ครอบครองหนึ่งในมรดกตกทอดนั่นจริง ๆ ” โจกัวเย้าคิดพลางรู้สึกว่าการคาดเดานี้ก็มีส่วนเป็นไปได้อยู่

“ กุญแจสำคัญเลยก็คือหลี่ฉีเย่ผู้นี้ก็มีความเชี่ยวชาญการปรุงสมุนไพรชีวิตด้วยเช่นกัน” ผู้อาวุโสกล่าว “ นักปรุงยาที่ไม่มีประวัติความเป็นมามาทำงานรับใช้ประเทศไผ่ยักษ์แต่เพียงที่เดียว ประเทศแห่งนี้ล้วนเป็นประเทศระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่อาจไปถึงจุดสูงสุดได้ ”

“ ท่านหมายความว่ายังไง ?” ดวงตาของโจกัวเย้าฉายแววจริงจังขึ้นมาในขณะที่จ้องมองไปยังผู้อาวุโส

“ ข้ารู้ดีว่าท่านโจต้องการจะประชันฝีมือกับนักปรุงยาผมขาวนั่นมาตลอด”ผู้อาวุโสกล่าวเนิบนาบ “ แต่ว่าท่านโจควรทราบเอาไว้ว่าสมุนไพรชีวิตนั้นหาใช่จุดแข็งของท่านถ้าหากท่านสามารถครอบครองคู่มือชี้แนะการปรุงสมุนไพรชีวิตจากมรดกของนักปรุงยาจักรพรรดิได้ละก็ ?ไม่แน่ว่ามันอาจจะช่วยพัฒนาจุดอ่อนของท่านได้...”

“ ลองคิดดูสิว่าถ้าหากสมุนไพรชีวิตของท่านสามารถต่อกรกับนักปรุงยาผมขาวได้ล่ะก็ ถึงตอนนั้น ไม่ใช่แค่รุ่นเยาว์ที่ต้องการจะศิโรราบต่อท่าน แม้แต่ผู้นำตระกูลที่มีอำนาจล้นพ้นเองก็คงปรารถนาที่จะเข้ามามีส่วนร่วมให้การสนับสนุนรัฐของท่าน ”

ผู้อาวุโสยังคงกล่าวต่อไป “ หากท่านสามารถกดดันนักปรุงยาผมขาวนั่นได้ครั้งนึง ท่านคิดว่าจะมีอีกสักกี่คนในโลกนี้ที่นึกอยากจะย้ายฝั่งมารับใช้ท่านกัน ? หากท่านได้เป็นนักปรุงายจักรพรรดิทั้งน้ำทิพย์พรสวรรค์และสมุนไพรชีวิต แม้แต่จักรพรรดิอมตะก็ยังต้องมาขอความโปรดปรานจากท่าน ”