ตอนที่ 742 ความกระหาย

หัวใจของโจกัวเย้าสูบฉีดทันทีที่ได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น ตัวเขานั้นจัดเป็นนักปรุงยาที่แท้จริงที่มิได้คำนึงถึงเรื่องการฝึกตน ดังนั้นตัวเขาจึงต้องสร้างความยอดเยี่ยมในด้านเต๋าแห่งการปรุงยา

ในเส้นทางนี้ คู่แข่งคนปัจจุบันของเขาก็คือเทพปรุงยาผมขาว ถึงแม้ว่าในโลกนี้จะมีอัจฉริยบุคคลอยู่ถึงสี่คนก็ตาม ตัวของหยวนไฉ่เหอนั้นเชี่ยวชาญศาสตร์ด้านการปลูกพืชและตัวยาและหาได้สนใจเรื่องของการแข่งขัน ส่วนมู่เฉาแห่งอาณาจักรนักปรุงยาก็ทำได้แค่โอสถกายาและไม่ต้องการเป็นจุดสนใจ ดังนั้นโจกัวเย้าจึงเชื่อมั่นว่าคู่แข่งที่แท้จริงของเขามีเพียงแค่นักปรุงยาผมขาวเท่านั้น

การกลั่นน้ำทิพย์ของเขานั้นหาที่เปรียบมิได้ ในขณะที่นักปรุงยาผมขาวนั้นมีทักษะในการปรุงสมุนไพรชีวิตที่ดีและยังได้รับการสนับสนุนจากบรรดาผู้นำตระกูลทั้งหลาย ถึงแม้ว่าโจกัวเย้ามักจะพูดจาวางคุยโตอย่างภาคภูมิใจก็จริง แต่ตัวเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาการถูกปฏิบัติเป็นพิเศษเช่นนั้นอยู่ดี

โจกัวเย้าหยุดขบคิดเล็กน้อยก่อนจะเบนสายตามองไปยังผู้อาวุโสและเอ่ยคำภามออกมา “ ท่านแน่ใจแล้วหรือ ?” เขาได้ถูกล่อหลอกโดยปราศจากความเคลือบแคลง มันเป็นเรื่องจริงว่าถ้าหากเขาได้รับมรดกการปรุงสมุนไพรชีวิตมาไว้ในครอบครอง ด้วยความสามารถของเขาแล้วย่อมสามารถต่อยอดจนไปถึงจุดสำเร็จได้ไม่ยาก ตัวเขาจะต้องสามารถปรุงสมุนไรชีวิตได้มีคุณภาพไม่น้อยหน้านักปรุงยาผมขาวอย่างแน่นอน

หากเขามีความเชี่ยวชาญทั้งได้ทั้งสมุนไพรชีวิตและน้ำทิพย์พรสวรรค์ แม้แต่นักปรุงยาผมขาวก็ไม่ใช่คู่ต่อกรของเขา แค่ลองนึกถึงสีหน้าของนักปรุงยานั้นหลังจากที่ถูกเขากำหลาบ โจกัวเย้าก็แทบเก็บความปิตินี้เอาไว้ไม่อยู่

“ ข้าจะหลอกท่านโจไปทำไมกัน ?” ผู้อาวุโสกล่าวด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “ ท่านโจคงจะทราบดีอยู่ว่าความสามารถในการรวบรวมข่าวสารของข้านับเป็นหนึ่งในโลกสมุนไพรหินและสามารถเชื่อถือได้อย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นท่านโจโปรดวางใจ ”

โจกัวเย้าถูกกระตุ้นเข้าอีกครั้ง แม้จะมีท่าทีลังเลอยู่เล็กน้อยก็ตาม เขามองไปที่ผู้อาวุโสและเอ่ยถาม “หากผู้อาวุโส เมฆาทะยานกล่าวความจริง มีบางเรื่องที่ข้าไม่เข้าใจ เพราะอะไรศิษย์พี่เย่ฉิงเฉินถึงได้ไม่ให้ความสนใจคิดครอบครองมรดกของนักปรุงายาจักรพรรดิเองในเมื่อของมันก็วางอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ? ”

ผู้อาวุโสรีบเอ่ยตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว “คงจะเป็นเรื่องโกหกหากบอกท่านว่านายน้อยไม่สนใจ อย่างไรเสียท่านโจควรจะรับทราบเอาไว้อีกประการว่านายน้อยของเราให้ความสนใจทุ่มเทในเรื่องการฝึกตน ความรู้ในด้านของเต๋าแห่งการปรุงยาของเขามีเพียงน้อยนิด ยิ่งไปกว่านั้นอาณาจักรเขตแดนหินก็ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การยกระดับเต๋าแห่งการปรุงยา

“ ทว่าท่านโจต่างออกไป ” ผู้อาวุโสวางมาดขึงขังแล้วพูดต่อ “ สำหรับอัจฉริยะอย่างท่านโจ หากได้เรียนรู้ทักษะนี้อย่างมากสุดห้าปีหรืออย่างน้อย ๆ สักปีหรือสองปี ก็คงจะสามารถแตกฉานในการสร้างสมุนไพรชีวิตระดับสูงได้อย่างแน่นอน !”

“ อา จริงสิ” ผู้อาวุโสลูบมือทั้งสองอย่างยินดี ก่อนจะพูดออกมาอย่างขำขัน “แน่นอนว่าหากเราได้มรดกชั้นยอดเช่นนี้มาไว้ในครอบครองแล้ว เบื้องหลังเราก็จะส่งมอบมันให้แก่ท่านโจอย่างแน่นอน ทว่านายน้อยของเราย่อมมีเงื่อนไข เราคาดหวังว่าท่านโจจะปรุงน้ำทิพย์พรสวรรค์และสมุนไพรชีวิตให้แก่นายน้อยของเราเป็นจำนวนมากสักหน่อยเป็นครั้งคราวในอนาคต ซึ่งเรื่องของวัตถุดิบทางเราจะเป็นคนหามาให้เอง แน่นอนว่าท่านไม่จำเป็นจะต้องเกรงว่าเราจะโกง เพราะว่านี่เป็นการแลกเปลี่ยนอย่างเท่าเทียม”

โจกัวเย้าแสยะรอยยิ้มหยันแล้วหัวเราะออกมากด้วยน้ำเสียงแห้งแล้ง “ ฮะฮะ หลังจากแลกเปลี่ยนคำพูดกันตั้งมาก ท้ายที่สุดแล้วเย่ฉิงเฉินก็ยังคงต้องการจะใช้ให้ข้าปรุงยาให้อยู่ดี !”

ผู้อาวุโสกระแอมออกมาอย่างกระอักกระอ่วน กล่าวว่า “ ท่านโจท่านเคยได้ยินคำสุภาษิตหรือไม่ที่ว่า ผู้ชายทุกคนล้วนกระทำทุกสิ่งก็เพื่อตนเอง หาไม่แล้วคงได้รับโทษทัณฑ์จากสวรรค์เป็นแน่ อีกอย่างนี่น่ะเป็นการแลกเปลี่ยนแบบได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย ท่านไม่คิดอย่างนั้นหรือ ท่านโจ ? ”

โจกัวเย้ายิ้มเย้ย “ ท่านคงเจ้าเด็กผมบนขาวนั้นตั้งกำแพงใส่แล้วละสิ เจ้านั่นน่ะไม่คิดจะไว้หน้าเย่ชิงเฉินอยู่แล้ว แล้วมาตอนนี้ท่านต้องการจะหาคนมาปรุงสมุนไพรชีวิตให้แทน ข้ารู้ดีว่าเหล่าคนแก่ที่อยู่ฝั่งเย่ฉิงเฉินอยากได้มันมากกว่า ”

“ท่านโจมองการณ์ไกลได้ยอดเยี่ยมจริง ๆ ” ผู้อาวุโสเมฆาทะยานปรับรอยยิ้มอย่างรวดเร็วก่อนจะเอ่ยปากพูด “แต่ว่าพูดก็พูดเถอะ ท่านไม่ต้องการจะยืนอยู่เหนือนักปรุงยาผมขาวหรืออย่างไร ? ท่านไม่ต้องการจะเป็นนักปรุงยาจักรพรรดิ ? ท่านไม่คิดหรือว่าหากท่านสามารถลบข้อบกพร่องในการกลั่นสมุนไพรชีวิตของท่านได้จริง แม้แต่นักปรุงยาผมขาวเองก็ไม่ใช่คู่มือของท่าน ? "

โจกัวเย้าจมอยู่กับความเงียบไม่กล่าวคำ

ผู้อาวุโสเริ่มกล่าวเสริมต่ออีกว่า “ มีอีกเรื่องหนึ่งที่ข้าไม่แน่ใจว่าควรจะพูดดีหรือไม่ ?”


“ว่ามา ” โจกัวเย้ากล่าว “ ท่านกับข้าเองก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลกัน ไม่จำเป็นจะต้องเกรงใจหรอก ”

“ คิดจะลงมือก็ต้องกระทำการอย่างรวดเร็วรัดกุม” ผู้อาวุโสกล่าว “ ถึงข้าจะเป็นคนที่นำข่าวนี้มาบอกแก่ท่านโจก็จริง แต่คนอื่น ๆ นอกจากข้าเองก็จะต้องรู้เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน หากมีใครชิงลงมือตัดหน้าไปก่อนล่ะก็ข้อตกลงนี้ก็คงจะต้องเป็นอันต้องล้มเลิกไปอย่างแน่นอน ในความคิดเห็นของข้า โอกาสที่ดีที่สุดก็คือชิงลงมือที่อาณาจักรปรุงยา ”

“ที่นี่เวลานี้ ?” โจกัวเย้ายกเสียงสูง “ท่านผู้อาวุโสเมฆาทะยานท่านตั้งใจจะล้อข้าเล่นหรืออย่างไร ? ใครจะไม่รู้บ้างว่ามันเป็นเรื่องเสี่ยงมากแค่ไหนที่จะลงมือขณะที่อยู่ในอาณาจักรนักปรุงยาเช่นนี้”

“ อาจจะเสี่ยงสำหรับคนอื่นก็จริง” ผู้อาวุโสกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ “ แต่มันไม่ใช่ปัญหาของท่านโจ ข้าสามารถให้คำมั่นแก่ท่านได้เลยว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นและจะไม่มีใครตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน”

“ คำพูดของท่านยังคงคาใจข้าอยู่ไม่น้อย” โจกัวเย้ากล่าว “ทุกคนต่างทราบกันดีว่าอาณาจักรปรุงยาแห่งนี้น่ากลัวแค่ไหน ก้าวเดียวของพวกเขาอาจจะทำให้ทั้งโลกสั่นสะเทือน !”

ผู้อาสุโสตอบสนองด้วยรอยยิ้ม “ประการแรกท่านโจ ท่านไม่จำเป็นต้องลงมือทำอะไรด้วยตัวเองเลยแม้แต่อย่างเดียว ท่านเป็นปรมจารย์ด้านควบคุมแลงอยู่แล้ว การจับเป็นหลี่ฉีเย่ย่อมง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ จริงหรือไม่ ?”

“ประการที่สอง” เขาเว้นช่วงไปเล็กน้อยแล้วจึงพูดต่อด้วยรอยยิ้มมีเล่ห์นัย “ ท่านมีอะไรต้องกลัวในเมื่ออาณาจักรปรุงยาเองก็หนุนหลังท่านอยู่ ”

ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของโจกัวเย้าก็พลันจริงจังขึ้นมา เขามองไปที่ผู้อาวุโสแล้วเหมือนจะฉุกใจคิดบางอย่างได้ “ข้าเข้าใจแล้ว สรุปแล้วที่ท่านเมฆาทะยานเสียเวลาพล่ามมาเกือบค่อนวัน ที่ท่านทำอยู่มันก็แค่วิ่งไปทำธุระให้อาณาจักรปรุงยาเท่านั้นเอง ”

“ วิ่งไปทำธุระให้ก็ไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจ” ผู้อาวุโสกล่าวออกมาโดยไม่มีทีท่าว่าจะโกรธเคืองเลยแม้แต่น้อย “ เรียกว่าได้ผลประโยชน์กันทุกฝ่ายจะดีกว่า ข้าไม่กลัวที่จะบอกความจริงแก่ท่านโจเลยแม้แต่น้อย เพราะอาณาจักรปรุงยาแห่งนี้ไม่ได้ต้องการสิ่งใดนอกเหนือไปมรดกกลั่นน้ำทิพย์ เพราะฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างล้วนอยู่ในมือท่านแล้ว !”

“ อาณาจักรตั้งใจจะใช้ข้าดังคมมีด” โจกัวเย้าไม่ใช่คนโง่ เขาแย้มยิ้มออกมาอย่างไร้อารมณ์ “อาณาจักรปรุงยาไม่คิดจะออกหน้าและตัดสินใจจะใช้ให้ข้าต้องลงมือเพื่อว่าเรื่องเสีย ๆ หาย ๆ จะได้มาตกลงที่ข้า”

“ มันมีคำกล่าวที่ว่า มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่สามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส” ผู้อาวุโสกล่าว “ ไม่มีรางวัลที่ได้มาโดยปราศจากความพยายาม จริงหรือไม่ ? อีกอย่าง อาณาจักรปรุงยาก็ทั้งแข็งแกร่งและทรงอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียงหรือเกียรติยศก็อาจจะมัวหมองได้ถ้าหากมีใครรู้ว่าพวกท่านวางแผนจะช่วงชิงมรดกจากผู้อื่น ท่านโจไม่คิดหรือว่าชิงลงมือที่นี่โดยมีอาณาจักรปรุงยาหนุนหลังอยู่นับเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ? ถึงอยากจะมีคนร่วมด้วยก็ทำอะไรไม่ได้”

โจกัวเย้าทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากใช้เวลาไตร่ตรองเรื่องนี้ หากว่าอาณาจักรหนุนหลังเขาจริง ๆ เรื่องทุกอย่างมันก็จะง่ายดาย ไม่ว่าหลี่ฉีเย่จะมีความสามารถยิ่งใหญ่มาจากไหนก็ไม่มีทางหลบหนีไปจากเงื้อมมือพวกเขาได้

โจกัวเย้าค่อย ๆ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ แล้วข้าจะเชื่อได้ยังไงว่าอาณาจักรจะทำทุกอย่างเพื่อให้การสนับสนุนข้า” เขาร่วมในความคิดนี้อย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ปัญหานี้มันเรียบง่ายแล้วก็แน่นอนอยู่แล้วว่าหากอาณาจักรนั้นเกิดมีส่วนเอี่ยวขึ้นมาล่ะก็ คงจะน่าแปลกไม่น้อยหากเขาไม่พลอยถูกสอบสวนขึ้นมา

ผู้อาวุโสคลี่ยิ้ม “ท่านโจระมัดระวังตัวเกินไปแล้ว แน่นอนว่าคงจะพิสูจน์ได้ไม่ยาก ท่านคงจะรู้บรรพชนเสาหลักโลก ”

“ข้ารู้ คนผู้นั้นถูกจัดเป็นรุ่นเยาว์ที่พิเศษในอาณาจักร” โจกัวเย้าหยักหน้า


ผู้อาวุโสเริ่มพูดต่อ “ ท่านคงจะเคยได้ยินบรรพชนตระกูลเซียนด้วยใช่หรือไม่ ?”

“ใช่แล้ว ข้าเคยได้ยินเรื่องของบรรพชนนักปรุงยาตระกูลเซียน” โจกัวเย้าพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูด “ เขาเป็นหนึ่งในบรรพชนเก่าแก่ของอาณาจักรและตอนนี้ถูกฝังอยู่ในดินแดนบรรพบุรุษ ”

ผู้อาวุโสยิ้มรับ “ ข่าวที่ท่านทราบมันเก่าไปแล้ว บรรพชนนักปรุงยากลับมามีชีวิตอีกครั้ง ตราบเท่าที่ท่านเอ่ยปากของ ท่านบรรพชนก็จะยื่นมือมาช่วยท่านอย่างแน่นอนไม่ว่าจะเป็นเวลาใดก็ตาม !”

โจกัวเย้ารู้สึกหวั่นไหวเมื่อได้ยินเช่นนั้น สถานะบรรพชนของอาณาจักรไม่ใช่เรื่องขำขัน ถึงแม้ว่าสายเลือดที่มีอำนาจทั้งหมดจะมีบรรพชนหรือสองคนที่ถูกกลบฝังอยู่ในดินแดนหลัก ทว่าบรรพชนจากนิกายที่มีสามจักรพรรดินั้นแข็งแกร่งอย่างมาก !

หากได้รับการช่วยเหลือจากบุคคลระดับนี้ล่ะก็ ไม่จำเป็นจะต้องคำนึงเกี่ยวกับความล้มเหลวเลย จะมีสักกี่คนบนโลกกันที่สามารถรับมือกับความแข็งแกร่งของบรรพชนจากอาณาจักรได้ ?

ท้ายที่สุดแล้ว โจกัวเย้าก็เอ่ยคำพูดออกมาด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก “ ให้ข้าได้ใช้เวลาขบคิดอีกสักวันสองวันก็แล้วกัน”

“เข้าใจแล้ว” ผู้อาวุโสไม่ได้ขัดข้องอะไร อย่างไรก็ตามก่อนจากไปเขาก็ได้ทิ้งประโยคเล็กน้อยให้อีกฝ่ายได้ขบคิดเพิ่มเติม

“ ท่านโจ โอกาสน่ะไม่รอใครหรอกนะ ตัวท่านจำเป็นจะต้องรีบตัดสินใจเข้าล่ะ เพราะถึงแม้ว่าตัวท่านจะไม่ตกปากรับข้อเสนอนี้ก็คงจะมีคนสักหนึ่งหรือสองคนอยู่แล้วที่เต็มใจจะฮุบข้อเสนอนี้ ”

โจกัวเย้าไม่ได้ตอบและแสดงความเคารพแต่อย่างใด

หลังจากที่จากไป ตัวอาวุโสก็กลับไปยังที่พักของเขาผู้นำเมฆขาว ผู้ที่ติดตามผู้อาวุโสมาโดยตลอดเอ่ยถาม “ ท่าผู้อาวุโส โจกัวเย้าจะยอมรับข้อเสนอนี้หรือไม่ ? ”

“ อย่าห่วงไปเลย เหยื่อชิ้นใหญ่ขนาดนี้มีหรือที่ปลาจะไม่ติดเบ็ด” ผู้อาวุโสกล่าวออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจ “เดี๋ยวเราจะไปคฤหาสน์ตระกูลเซียนหลังจากที่เข้าพบผู้นำตระกูลหวังฟู่ ”

“ผู้อาวุโสยังไม่ได้รับอนุญาตจากบรรพชนนักปรุงยาของตระกูลเซียน ?” ผู้นำเมฆขาวอดตื่นตระหนกไม่ได้เมื่อได้ยินคำของผู้อาวุโส

เขาคิดว่าการที่ผู้อาวุโสตั้งใจจะร่วมมือกันกับโจกัวเย้านั้นเป็นความคิดของบรรพชนนักปรุงยา

“ ไม่ต้องกังวลไป จะต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน” ผู้อาวุโสกล่าวด้วยความมั่นใจ “ อาณาจักรปรุงยาไม่สามารถเดินผ่านน้ำโคลนนี้ได้ ถ้าหากจะต้องมีคนลงมือบรรพชนตระกูลเซียนและตระกูลหวังฟู่เป็นเป็นหมากที่ดี โจกัวเย้าก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม”

“การคำนวณของผู้อาวุโสช่างยอดเยี่ยม สติปัญญาของท่านกว้างใหญ่ดุจน้ำทะเล” ผู้นำเมฆขาวเอ่ยชมด้วยความรู้สึกอัศจรรย์ใจ

ผู้อาวุโสส่ายหัวน้อย ๆ อย่างอ่อนโยนแล้วพูด “ นายน้อยเป็นผู้ที่ออกความคิดนี้ขึ้นมาก่อนการเดินทาง ข้าก็แค่ส่งเสริมนิดหน่อยแล้วก็ทำทุกอย่างให้บรรลุตามเป้าหมายก็เท่านั้น”

ผู้นำเมฆขาวรู้สึกทึ่งกับคำกล่าวที่ว่าแผนการยอดเยี่ยมเช่นนี้ถูกวางโดยยอดอัจฉริยะอย่างเย่ฉิงเฉิน

“ รัฐโจ ตระกูหวังฟู่ อาณาจักรปรุงยา ตระกูลไป่หลาน หรือแม้แต่นิกายผลึกมณีทะเลทั้งหมกจะหมุนรวมไปตามกระแสพายุนี้ แล้วถึงตอนนั้นทั้งภูเขาแอลป์และประเทศไผ่ยักษ์ก็จะไม่อาจหลบพายุลูกนี้พ้น ! เมื่อบรรพชนของอาณาจักรเริ่มต้นห้ำหั่นกับภูเขาแอลป์และเทพผู้พิทักษ์ไผ่ยักษ์ถึงตอนนั้นโลกสมุนไพรหินจะทำการเปลี่ยนแปลงราชวงศ์ !” ดวงตาของผู้อาวุโสแปรเป็นอำมหิตหลังจากที่ได้เผยถึงแผนการนี้ออกมา “ เวลานั้นเมื่อเหล่าราชันเทพทั้งหมดล้มตายในสนามรบ มีเพียงผู้ที่หลงเหลืออยู่เท่านั้นที่จะยืนหยัดต่อไป ถึงตอนนั้นตัวตนนิรันดร์แลละเหล่าราชันเทพจะอยู่ภายใต้ธงของนายน้อย ใครล่ะจะหยุดเราได้ ?”

หลังจากที่ได้รับฟังแผนการใหญ่ผู้นำเมฆขาวก็เย็นเยียบไปทั้งร่าง เขารู้สึกดีใจไม่น้อยที่เลือกจะอยู่ข้างเย่ฉิงเฉิน !