ตอนที่ 743 ก่อนพายุจะมา

ภายในพระราชวังภายในพื้นที่ที่สืบทอดกันมาของอาณาจักรปรุงยา ท่านย่าไป๋เพิ่งจะกลับมาถึงหลังจากที่รวบรวมข้อมูลมามากพอแล้ว

ข้างในลานมีดอกไม้บานสะพรั่ง หมิงเย่เสวียก้าวเดินท่ามกลางมวลดอกไม้ ชื่นชมความงามของพวกมัน ถึงแม้ว่าดอกไม้พวกนั้นจะมีประกายสีสันแต่งแต้ม ทว่าความสุกใสของมันกลับถูกความงามของหมิงเย่เสวียบดบังไปจนหมด กล่าวว่าเธอคือดอกไม้ที่งดงามที่สุด ณ ที่แห่งนี้ก็คงไม่ผิดไปนัก

“ นายหญิงบรรพชนนักปรุงยาตระกูลเซียนกลับมามีชีวิตแล้ว ” ท่านย่าไป๋รีบรายงานออกมาทันควันเมื่อพบกับหมิงเย่เสวีย

“ สุดท้ายเขาก็ออกมา” หมิงเย่เสวียไม่มีทีท่าประหลาดใจเลยแม้แต่น้อยเมื่อได้ยินเรื่องราว

เธอทำเพียงแค่ลอบถอนหายใจอ่อน ๆ แล้วกล่าวว่า “ อะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้เขากลับมามีชีวิตกัน ? ”

“ บรรพชนนักปรุงยาต้องการจะกลั่นสมุนไพรชีวิต เขาออกมาและต้องการเวลาฟื้นฟู เมื่อเขาพร้อมก็จะเริ่มการปรุงยาเลย ” ท่านย่าไป๋กล่าว “ เขาออกจากอาณาจักรทันทีหลังจากออกมา ไม่มีใครในตระกูลรู้เลยว่าเขาอยู่ที่ไหน ”

“ ตัวเขาจะออกจากอาณาจักรไปหรือไม่ มีเพียงผู้อาวุโสของเขาที่รู้ดี” หมิงเย่เสวียกล่าวคำออกมาอย่างสุภาพสีหน้าท่าทางของเธอในตอนนี้คล้ายคลึงกับเทพธิดาในโลกแห่งความฝันที่สามารถทำให้ใครหลายคนหลงมัวเมาไปกับความงดงาม

“ ยังมีอีกเรื่องที่นายหญิงความจะทราบเอาไว้ ” ท่านย่าไป๋กล่าว “เมื่อเร็ว ๆ นี้ผู้อาวุโสเมฆาทะยานมาเยืนที่เมืองนักปรุงยา ดูกระตือรือร้นไม่น้อย เขาเข้าไปเยี่ยมผู้คนมามากและดูสนิทกับบรรพชนเสาหลักโลกไม่น้อย ”

หมิงเย่เสวียอดไม่ได้ที่จะกล่าว “ หากผู้อาวุโสคนนั้นตั้งใจจะกระทำการบางอย่างย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่ การกระทำของเขามีจุดมุ่งหมายจะกวนปลาน้ำขุ่น ! !”

“ ข้าเกรงว่านี่จะเป็นแผนของเย่ฉิงเฉิน” ท่านย่าไป๋กล่าว “ค นผู้นั้นหมายตาจะเป็นจักรพรรดิอมตะและอาณาจักรปรุงยาของเราก็เปรียบเสมือนขวากหนามที่คอยขวางทางเขา แม้แต่นายหญิงเองก็นับเป็นศัตรูของเขาเมื่อเดินบนเส้นทางสายนี้ !”

“ หากเย่ฉิงเฉินกล้าที่จะขยายฐานอำนาจของตัวเองมาถึงอาณาจักรปรุงยาของข้า... นั่นหมายความว่าครั้งนี้เขาต้องมั่นใจเอามาก ” หมิงเย่เสวียกล่าวออกมาอย่างใจเย็นประดุจน้ำที่อยู่ก้นบ่อ “ เขาเชื่อมั่นจริง ๆ หรือว่าตัวเองสามารถเป็นจักรพรรดิอมตะได้ ?”

“ บางทีนายหญิงก็ควรจะมอบบทเรียนให้แก่คนผู้นั้น !” ท่านย่าไป๋กล่าว “ หลายปีมานี้นายหญิงวางตัวโดยไม่ให้เป็นจุดสนใจ เลยทำให้เย่ฉิงเฉินคิดว่าตัวเองเป็นลูกรักของสวรรค์ ทั้ง ๆ ที่ที่จริงแล้วก็เป็นแค่ตัวเลือก ”

“ อย่ากังวล เรื่องของเย่ฉิงเฉินน่ะฉันไม่จำเป็นจะต้องลงมือทำอะไรให้มากความหรอก” หมิงเย่เสวียกล่าวออกมาอย่างสบาย ๆ “ ลำพังแค่นายน้อยหลี่ก็เพียงพอแล้วที่จะรับมือกับคนอย่างเขา ไม่จำเป็นที่ข้าจะต้องลงมือเอง ”

“ นายหญิงดูจะมั่นใจในตัวของหลี่ฉีเย่อย่างมาก ” ท่านย่าไป๋อดไม่ได้ที่จะพูด “ นายหญิ ต้องขออภัยด้วยหากตัวข้าถามอะไรที่ไม่ควร แต่ว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่นายหญิงเกิดชมชอบเจ้าสารเลวแซ่หลี่นั้น ?”

หมิงเย่เสวียไม่อาจกลั้นเสียงคิกคักเอาไว้ได้ รอยยิ้มล่มเมืองของเธอนั้นแม้แต่มวลผกายังละอายนาง เธอสั่นศีรษะอย่างอ่อนโยนแล้วจึงกล่าวว่า “ท่านย่า ถึงแม้ว่าตัวข้าจะมีความรู้สึกนึกชอบในตัวของนายน้อยหลี่ ตัวเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีความรู้สึกชอบตัวข้ากลับ ”

“นายหญิง ท่านกล่าวสิ่งใด ?” ท่านย่ากล่าวสวนออกมาทันที “จะมีหญิงใดในโลกนี้สามารถเทียงเคียงนายหญิงได้อีก ? ฮึ่ม เจ้าสารเลวน้อยหลี่ ถ้าหากเจ้านั่นไม่ชอบนายหญิงล่ะก็แสดงว่าเจ้านั่นน่ะตาบอดแล้ว ! มันเหมือนกับเขาได้รับพรที่ยิ่งใหญ่ที่ได้แต่งงานกับนายหญิง ”

“ท่านย่า นายน้อยหลี่ไม่สามารถนำมาตรฐานของคนทั่วไปบนโลกนี้มาวัดได้ " หมิงเย่เสวียสั่นศีรษะ “ ตัวข้าเองก็มีความรู้สึกสับสนบางอย่างในใจที่จำเป็นจะต้องรอให้เขาอธิบายให้ชัดเจน ”

หญิงชราอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาหลังจากที่เห็นท่าทีของนายหญิง เธอเฝ้ามองนายหญิงผู้นี้ค่อย ๆ เติบโตมาโดยตลอด ทำไมเล่าเธอจะไม่เข้าใจ ? อย่างไรก็ตามนี่นับเป็นครั้งแรกเช่นกันที่เธอพบกับชายหนุ่มที่นายหญิงของเธอมีใจให้ ซ้ำยังให้การยกย่อง

“ ท่านย่า ช่วยข้าเตรียมการที ข้าต้องการจะพบบรรพชนหวู่ซวง ” หมิงเย่เสวียออกคำสั่ง

“ นายหญิงตั้งใจจะเข้าไปพัวพันกับปัญหานี้จริง ๆ ?” หญิงชรากล่าวถาม “ นายหญิงคงจะทราบดีอยู่แล้วว่าบรรพชนนักปรุงยานั้นมีสถานะค่อนข้างจะสูงในอาณาจักรของเรา”

“แน่นอนว่าข้าทราบดี” หมิงเย่เสวียตอบ “ข้าได้แต่คาดหวังว่าบรรพชนนักปรุงยาจะมีใจอยู่ข้างความถูกต้อง เรื่องนี้ไม่มีผลดีอะไรเลยสักนิด ”

หญิงชรากล่าวเสริม “นายหญิง บรรพชนปรุงยากลับมามีชีวิตอีกครั้งไม่ใช่เรื่องธรรมดา นี่เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทบทวนหลายครั้ง หากว่านายหญิงได้พบกับบรรพชนหวู่ซวงแล้วเกิดไปขับขาคนผู้นั้นเข้า ข้ากลัวว่านี่จะเป็นผลเสียต่อตัวของนายหญิ...ในอดีตที่ผ่านมาชื่อเสียงของบรรพชนปรุงยานับเป็นที่ยอมรับ ยิ่งไปกว่านั้น บรรพชนนักปรุงยาเองก็มีความสัมพันธ์อันดีกับบรรพชนหลายคน หากเกิดอะไรขึ้นมาจริงท่านอาจจะตกที่นั่งลำบากในฐานะผู้เยาว์ ”

“ ข้าเองก็เข้าใจดีถึงอิทธิพลของผู้นำตระกูลปรุงยา” หมิงเย่เสวียกล่าวตอบ “ ที่ข้าทำเช่นนี้ ข้าไม่ได้ทำเพื่อนายน้อยหลี่ แต่ข้าทำเพื่ออาณาจักรปรุงยา ”

หญิงสาวพูดออกมา เธอเว้นช่วงเล็กน้อยก่อนจะเริ่มพูดต่อ “ มันไม่สำคัญว่านายน้อยหลี่จะต้องต่อสู้เพียงลำพังหรือไม่ โดยปกติแล้วกำลังของคนเพียงแค่คนเดียวย่อมไม่สามารถสั่นคลอนอาญาจักรของเราได้อยู่แล้ว อาจจะกล่าวได้ว่ามันเป็นเพียงความฝันลมๆแล้งที่ไม่มีทางเป็นจริง ทว่าข้าไม่คิดว่านายน้อยหลี่จะเป็นเช่นนั้น ”

“ นี่หมายความว่านายหญิงคิดว่าเจ้าสารเลวน้อยแซ่หลี่จะสามารถสั่นคลอนอาญาจักรของเราได้ด้วยตัวคนเดียว ? ” หญิงชรากล่าวออกมาอย่างคับข้องใจ “ ถึงแม้ว่าบิดาแห่งต้นไม้จะคอยส่งเสริมเขาอยู่ แต่เขาก็ไม่สามารถทอะไรได้ ชื่อเสียงของอาณาจักรไม่ได้มีไว้พูดเล่น !”

หมิงเย่เสวียสั่นหัวเอ่ย “ ท่านย่า เมื่อใดก็ตามที่เป็นเรื่องของหลี่ฉีเย่ ท่านย่อมไม่อาจใช้บรรทัดฐานของคนทั่ว ๆ ไปมาตัดสิน ตัวเขานับเป็นบุรุษที่น่าหวั่นเกรงที่สุดที่ข้าเคยพบมา ถึงแม้ว่าข้าจะไม่สามารถบอกรายละเอียดแก่ท่านได้ แต่สัญชาตญาณของข้าบอกว่าตัวเขาไม่เคยเกรงกลัวผู้ใด เขาจะสังหารทุกชีวิตที่ขวางเส้นทางของเขา ! หากว่าอาณาจักรปรุงยาของเราเลือกจะเป็นปฏิปักษ์กับเขาล่ะก็ ข้าบอกได้เลยว่ามันไม่ใช่ทางเลือกที่ชาญฉลาด ”

“ ถ้าอาณาจักรปรุงยาของเราเลือกจะเป็นปฏิปักษ์กับเขา ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตามพายุลูกนี้ก็คงจะสิ้นสุดลง และเราทั้งสองฝ่ายก็จะเป็นผู้แพ้ ในขณะที่ผู้ชนะที่แท้จริงจะมีเพียงแค่เย่ฉิงเฉิน ” หมิงเย่เสวียถอนหายใจออกมาเบา ๆ แล้วพูดต่อ “ เย่ฉิงเฉินไม่ได้ต้องการอะไรนอกเหนือไปจากสงครามที่ไม่มีที่สิ้นสุดในโลกนี้ ตัวเขาคาดหวังมาเนิ่นนานแล้วว่าอาณาจักรของเราหรือตระกูลเจี้ยนหลงจะเข้าร่วมในสงครามนี้ ! ยิ่งความสับสนอลหม่านก่อตัวเป็นวงกว้างมากเท่าไร สถานนะของเขาก็จะดีขึ้นมากเท่านั้น”

“ข้าเข้าใจมุมมองของนายหญิงแล้ว ” หญิงชรามีความมั่นใตในตัวนายหญิงของเธอเป็นอย่างมาก ด้วยสติปัญญาที่เฉียบคมและความฉลาดเฉลียว มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถรู้เท่าทันนายหญิงของเธอได้ “ ข้าจะช่วยจัดการให้นายหญิงได้พบกับบรรพชนหวู่ซ่วง ”

หมิงเย่เสวียพยักหน้า “ อีกอย่าง ส่งรากบรรพชนให้ไปพบกับนายน้อยหลี่ฉีเย่ด้วย บอกเขาว่าระยะนี้อาจมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้น ให้ระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ ”

“ นายหญิงไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะให้รากบรรพชนส่งข้อความนี้ไปให้เขา” ท่านย่าไป๋ถ่ายทอดคำสั่งออกไปอย่างรวดเร็วปราศจากความลังเลหรือท่าทีจะสาวความยืดเลยแม้แต่น้อย

นางไม่ชอบเจ้าเด็กหลี่ฉีเย่เลย ในสายตาของหญิงชราผู้นี้ หลี่ฉีเย่นั้นอวดดีจองหองเกินไป ขนาดที่ว่าไม่เห็นอาณาจักรของนางอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ — สิ่งนี้ล่ะที่ทำให้นางรู้สึกหัวเสีย แต่อย่างไรเสียตัวเธอก็ยังคงยึดถือคำสั่งของหมิงเย่เสวียอย่างไร้ข้อกังขา

นอกเหนือไปจากการกระแทกสิ่งต่าง ๆ บนเขาที่แห้งแล้งมั่ว ๆ ซั่ว ๆ หลี่ฉีเย่ก็ทุ่มเทเวลาที่เหลือไปกับการฝึกตน
หลังจากที่หยวนไฉ่เหอมาเยือนตัวเขาก็มีเวลาในการฝึกตนมากขึ้น ในฐานะหนึ่งในสี่อัจฉริยะนักปรุงยา ตัวนางนั้นถูกจัดเป็นอัจฉริยบุคคลในเรื่องของการปรุงยาแบบเต๋า เธอเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ เล็กน้อย จากการมองดูเขา เพราะฉะนั้นหลังจากที่เขาถูกพิษสองถึงสามชนิด เธอคนนี้ก็เป็นคนหยิบยื่นความช่วยเหลือนี้แก่หลี่ฉีเย่

ภายในห้องของเขาวงแหวนศักดิ์สิทธิ์ของหลี่ฉีเย่ก็เกิดอาการสั่นไหวขึ้นมา หลังจากการสั่นไหวครั้งที่แปดสิบเอ็ดมันก็เจือจางลง เงาของความหยิ่งยโสปรากฏอยู่เบื้องหลังของเขาคล้ายกับว่ากำลังกุมโลกทั้งใบเอาไว้อย่างเหยียดหยัน

เงานี้ปรากฏที่เบื้องหลังของเขาคล้ายกับว่าเป็นผู้ปกครองของยุคสมัยที่ผ่านมานับไม่ถ้วน ! นี้เป็นจุดสูงสุดของระดับองค์รักษ์เทพสวรรค์หรือที่ผู้ฝึกตนคนอื่น ๆ เรียกขานกันว่ายุคองค์รักษ์!

เมื่อเขาก้าวไปถึงขอบเขตระดับของจักรพรรดิแห่งสวรรค์ นั่นก็หมายความว่าหลี่ฉีเย่สามารถก้าวเข้าสู่ระดับของราชันแห่งสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย

ความจริงแล้ว ด้วยพื้นฐานเต๋าของเขาและผลประโยชน์ที่เขาได้มาจากวงแหวนทั้งสิบสาม เขาจะสามารถไปถึงขอบเขตราชาเทพสวรรค์ได้อย่างง่ายดายในระยะเวลาสั้น ๆ

ทว่า หลี่ฉีเย่เลือกที่จะไม่ทำอย่างนั้น ในระดับก่อนหน้า หลี่ฉีเย่เริ่มฝึกตนเหมือนคนธรรมดาทั่ว ๆ ไป ทว่าตอนนี้หลี่ฉีเย่ตัดสินใจที่จะขัดเกลาตนเองอย่างช้า ๆ ที่ยุคองค์รักษ์

หลี่ฉีแย่มีความเข้าใจและความลึกซึ้่งในระดับยุคองค์รักษ์แตกต่างออกไป ! เพราะอย่างนี้เขาถึงใช้ทั้งเวลาและความพยายามอย่างมากในระดับนี้แทนที่จะรีบร้อนเลื่อนระดับเข้าสู่ขอบเขตราชันเทพสวรรค์

เวลาผ่านไปเหมือนพรสวรรค์ของเขาปรากฏขึ้นและจางไป วงแหวนแห่งชีวิตของเขาหายไปพร้อม ๆ กันกับวงแหวนศักดิ์สิทธิ์ ก่อนที่หลี่ฉีเย่จะสูดลมหายใจเข้าไปลึกจนเต็มปอดจากนั้นก็หยัดตัวขึ้น

นายหญิงกำลังรออยู่ข้างนอก เธอสวมเสื้อคลุมให้แก่เขาหลังจากที่เห็นเขาปรากฏตัวจากนั้นจึงกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า
“ นายท่านรากบรรพชน กำลังรอท่านอยู่ เขาบอกว่าเทพธิดาหมิงส่งเขามาพบท่าน ท่านจะพบเขาหรือไม่ ?”

หลี่ฉีเย่พยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะกล่าว " ดูเหมือนว่าเย่เสวียจะรู้สาเหตุสำคัญว่าทำไมคนระดับสูงของอาณาจักรจึงลงมือแล้ว ไปกันเถอะ”

ในห้องโถงหลัก หลี่ฉีเย่ก็ได้พบกับบรรพชน รากบรรพชนค้อมให้กับเขาอีกครั้งหนึ่งแทนคำขอบคุณที่เขาได้ช่วยชีวิตบุตรชายของเขาเอาไว้

หลังจากที่บรรพชนขยับกายลงนั่งที่เก้าอี้ หลี่ฉีเย่ก็เอ่ยปากถาม “ เย่เสวียให้ท่านมาที่นี่เพื่อแจ้งข่าวอะไร ?”

“ เรียนนายน้อย องค์หญิงฝากให้ข้ามาบอกท่านว่าบรรพชนนักปรุยากลับมามีชีวิตแล้ว” รากบรรพชนกล่าวออกมาอย่างระมัดระวัง

ถึงแม้ว่าตัวเขาจะไม่ทราบถึงรายละเอียดอะไรมากนัก เขาก็พอจะสามารถคาดการณ์อะไรได้อย่างหนึ่งหรือสองอย่างซึ่งตัวเขาเองก็รู้ซึ้ง — ดีแก่ใจเลยก็คือกำลังจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว

“ ข้าเข้าใจแล้ว ” หลี่ฉีเย่หยักรอยยิ้มที่มุมปากการกลับมาของบรรพชนนักปรุงยาล้วนอยู่ในการคาดการณ์ของเขา ตอนนี้หมิงเย่เสวียเองก็ช่วยเขายืนยันการคาดเดานี้แล้ว

“ องค์หญิงฝากข้ามาบอกท่านอีกว่าช่วงนี้ให้ท่านระมัดระวังตัวเอาไว้เป็นพิเศษ” บรรพชนกล่าว “โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากคนของเย่ฉิงเฉิน ท่านจงระมัดระวังอย่างตกหลุมพรางเขาเป็นอันขาด ”